หลังเสริมจมูก
หลังการผ่าตัดเสริมจมูกนั้น คนไข้ต้องเจอกับข้อจำกัดในการดูแลตัวเองหลายอย่าง วันนี้จึงมีข้อแนะนำ หลังเสริมจมูก 1 เดือนแรก จะมาแชร์ให้คนไข้ที่ทำจมูกไปแล้ว ได้ทราบถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด ฉบับละเอียดยิบมาฝากกัน สิ่งที่สำคัญในช่วงหลังผ่าตัด คือพฤติกรรมการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
คนไข้จะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถเสริมสร้างเนื้อเยื่อมารักษาบาดแผลได้อย่างเต็มที่ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าวิธีดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมจมูกมีอะไรบ้าง พร้อม FAQ ตอบคำถามยอดนิยมของคนไข้ ที่มักถามภายหลังเสริมจมูกที่ We Clinic !
อาการหลังเสริมจมูก
อาการหลังเสริมจมูก 24 ชั่วโมง
หลังเสริมจมูก 24 ชั่วโมงในบางคนอาจมีอาการเจ็บตึงบริเวณรอบๆ จมูกและใบหน้าหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ รวมถึงมีอาการใบหน้าบวมมากขึ้น โดยจะบวมมากที่สุดใน 2-3 วันแรก และมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย ให้รับประทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่หมอจัดให้
สำหรับการรับประทานอาหารควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ซุป ข้าวต้ม โจ๊ก ฯลฯ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดหรือเผ็ดจัด เพราะอาจทำให้น้ำมูกไหลจนทำให้แผลติดเชื้อ และโซเดียมในอาหารรสเค็มยังทำให้เกิดอาการบวม จมูกจึงอาจยุบบวมได้ช้า รวมถึงจะต้องงดอาหารแสลงและอาหารทะเลทุกชนิด แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ฟื้นตัวได้เร็ว และรับประทานเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ช่วยให้ยุบบวมและสมานแผล เช่น น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก น้ำเต้าหู้ผสมฟักทอง
ส่วนในการดูแลแผลอย่าลืมทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือและสำลีพันก้านที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วให้สะอาด พยายามอย่าให้มีเลือดเกาะติดไหมให้มากที่สุด และทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสำลีแบบแผ่นชุบน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดไปก่อน เพื่อป้องกันแผลโดนน้ำ เพราะถ้าแผลโดนน้ำจะทำให้แผลหายช้าและเน่าเปื่อยได้
ในด้านการใช้ชีวิตประจำวันควรที่จะนอนหมอนสูงโดยการนำหมอน 2 ใบมาวางซ้อนกัน แต่ลำตัวยังแนบสนิทเพื่อเป็นการนอนที่สบายที่สุดและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เพื่อป้องกันการนอนแล้วทำให้ซิลิโคนไหลหรือเบี้ยวเอียงได้
อาการหลังเสริมจมูก 7 วัน
หลังเสริมจมูก ใน 7 วันจะเป็นช่วงที่สามารถแกะเทปที่ดามเอาไว้เป็นเฝือกอ่อนๆ ที่จมูกออกได้โดยให้ใช้น้ำอุ่นค่อยๆ เช็ด และลอกเทปออกอย่างเบามือ แต่ก็ยังต้องระมัดระวังเรื่องการกระแทกต่างๆ อยู่ ห้ามบีบนวดในระยะ 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด เพราะจะทำให้มีอาการอักเสบได้ งดจับต้องบริเวณที่ทำศัลยกรรม และต้องระวังตั้งแต่เรื่องการนอน การกินอยู่เหมือนเดิม
ในเรื่องของการกินควรที่จะหันมารับประทานอาหารที่มีโปรตีน เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกาย เช่น เนื้อสัตว์ นม ถั่ว อาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว ผักผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ข้าวโพด ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี กีวี ผักใบเขียว สาหร่าย ฯลฯ ด้วย
รวมถึงยังต้องงดออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนได้ เช่น การออกกำลังกายหนัก ชกมวย วิ่ง ว่ายน้ำ การมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ ที่เสี่ยงทำให้จมูกเกิดปัญหาตามมาได้ และถ้าหากยังมีอาการบวมอยู่แนะนำให้ทำการประคบเย็น ด้วยผ้าเย็น เจลเย็น หรือถุงน้ำแข็งอย่างเบามือ บริเวณข้างแก้ม และหน้าผากแทนการประคบร้อนที่ในช่วงอาทิตย์แรกจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
อาการหลังเสริมจมูก 14 วัน
หลังเสริมจมูกใน 14 วันเป็นช่วงที่ตัดไหมได้แล้ว แต่ก็ยังต้องดูแลทำความสะอาดบริเวณแผลเย็บหลังจากการตัดไหม หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดน้ำมูกไหล หรือหากเป็นหวัด ต้องรับประทานยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูกทันที เพื่อป้องกันน้ำมูกไหลมาโดนแผล อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ส่วนการรับประทานอาหารสามารถรับประทานได้เกือบทุกอย่างยกเว้นอาหารแสลง ของหมัก ของดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก ควรงดเอาไว้ก่อน
อาการหลังเสริมจมูก 30 วัน
หลังเสริมจมูกใน 30 วันสามารถใช้ชีวิตได้ปกติเกือบ 100% แล้ว จมูกยุบบวมประมาณ 80% ให้รับประทานยาและประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการ หลังจากนั้นจมูกจะเริ่มยุบบวมลง ส่วนอาการช้ำจะขึ้นอยู่กับบุคคล บางคนแทบไม่มีรอยช้ำให้เห็นแล้ว แต่ก็ยังต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำแพทย์อยู่ หากจะให้เข้าที่จะต้องรอ 3 เดือนขึ้นไปจะเริ่มเห็นทรงจมูกที่ชัดเจนมากขึ้น งดสวมแว่นตาเป็นเวลา 3-6 เดือน หลังทำการผ่าตัดศัลยกรรม ต้องงดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น และเลือดจะหยุดไหลช้าลง
สามารถรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมได้ตามปกติ ส่วนอาหารหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะรอจนกว่า 45 วันขึ้นไปแล้ว ส่วนใครที่อยากดำน้ำในระยะ 3 เดือนแรกอาจจะยังงดเอาไว้ก่อน
อาการหลังเสริมจมูก 3-4 เดือน
หลังเสริมจมูกมาเป็นระยะเวลา 3-4 เดือน นอกจากจะไม่เหลือรอยฟกช้ำจ้ำเขียวต่าง ๆ แล้ว ยังแทบจะไม่หลงเหลืออาการบวมบริเวณจมูกด้วยเช่นกัน
อาการหลังเสริมจมูก 6 เดือน
6 เดือนผ่านไปหลังเสริมจมูกเสร็จสิ้น อาการบวมบริเวณจมูกที่เคยหลงเหลืออยู่นั้นจะยุบลงจนหมด เรียกได้ว่าไม่เหลืออาการบวมใด ๆ อีกแล้ว นอกจากนี้จมูกก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าที่มากขึ้น
อาการหลังเสริมจมูก 1 ปี
สุดท้ายเมื่อผ่านไปเป็นระยะเวลา 1 ปีหลังเสริมจมูก รูปทรงจมูกจะกระชับเข้าที่ และสามารถมองเห็นเป็นทรงสวยอย่างชัดเจน
ข้อปฏิบัติการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก
หลังเสริมจมูกเป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ รวมถึงต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้แผลเกิดการติดเชื้อหรือจมูกถูกกระทบกระเทือนจนเสียทรง โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกอย่างถูกวิธีมีดังนี้
หลังเสริมจมูกทันที
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลผ่าตัดหลังเสริมจมูกมาสัมผัสกับน้ำ เพราะไม่เพียงแค่จะทำให้แผลหายช้าเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่แผลจะเปื่อยหรือเน่าอีกด้วย
- หากต้องการทำความสะอาดใบหน้า ควรเลือกวิธีการเช็ดใบหน้าด้วยสำลีแผ่นชุบน้ำหรือน้ำเกลือ ทดแทนการล้างทำความสะอาดใบหน้าแบบปกติ
- ไม่ควรสัมผัสจมูกด้วยความรุนแรงหรือบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้จมูกเสียทรงได้
หลังเสริมจมูก 7 วัน
- หมั่นประคบเย็นด้วยความเบามือบริเวณใบหน้าเพื่อลดอาการบวมหลังเสริมจมูก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ
- งดการเสริมความงามด้วยเลเซอร์ นวดหน้า หรือทรีตเมนต์
- นอนหมอนสูงและงดการนอนในท่าตะแคง เพื่อไม่ให้เกิดเลือดคั่งหลังเสริมจมูกและไม่เกิดการเสียทรง
หลังเสริมจมูก 14 วัน
- หลังเสริมจมูกครบ 14 วันแล้ว จะมีการตัดไหมที่แผลผ่าตัดออก ซึ่งจะต้องทำความสะอาดด้วยการนำคอตตอนบัดชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผลผ่าตัดให้สะอาดอย่างเบามือที่สุด
- หลีกเลี่ยงต้นเหตุที่อาจทำให้เป็นหวัดหรือมีน้ำมูกไหล เพราะน้ำมูกที่ไหลมาโดนแผลจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
หลังเสริมจมูก 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้จมูกได้รับความกระทบกระเทือน เช่น การนอนเล่นโทรศัพท์มือถือ
- ทายาหรือขี้ผึ้งทาแผลที่แผลที่แพทย์เตรียมไว้ให้อย่างสม่ำเสมอ
หลังเสริมจมูกกินอะไรได้บ้าง
อาหารที่สามารถรับประทานได้ช่วงนี้คือ หมู ไข่ไก่ และปลาน้ำจืด หากกังวลเรื่องแผลคีลอยด์ให้งด หรือรับประทานไข่ไก่ให้น้อยลง หรือหากไม่มั่นใจว่าเป็นปลาน้ำจืดหรือน้ำทะเลให้งดไปเลย อะไรที่ไม่มั่นใจให้งดรับประทานไปก่อนนะคะ
- ทำจมูกกินวิตามินซีได้ไหม – สามารถรับประทานวิตามินซีจากการรับประทานผัก ผลไม้ได้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ กีวี บรอกโคลี โดยควรรับประทานไม่น้อยไปกว่าวันละ 100-200 มิลลิกรัม จะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยเรื่องความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ทำให้บาดแผลสมานตัวได้เร็วขึ้น ลดอาการบวมช้ำและอักเสบได้ แต่ถ้าหลัง 30 วันแล้วสามารถรับประทานอาหารเสริมประเภทวิตามินได้ปกติ
- ทำจมูกกินทุเรียนได้ไหม – ไม่แนะนำให้กินทุเรียนหลังจากทำจมูกในช่วงแรก เพราะทุเรียนอาจส่งผลทำให้เกิดอาการบวมของแผล หรือแผลหายช้ากว่าปกติได้ นอกจากนี้คนที่เป็นคีลอยด์ง่ายอาจเสี่ยงการเกิดแผลเป็นนูนขึ้นได้ด้วย
- ทำจมูกกินปลาร้าได้ไหม – ปลาร้านับเป็นหนึ่งในเมนูหมักดอง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อ และการรับประทานอาหารประเภทนี้มักทำให้บวม มีน้ำมูก คัดจมูก ซึ่งทำให้แผลติดเชื้อหรืออักเสบได้
- ทำจมูกกินขนมจีนได้ไหม – ขนมจีนนับเป็นเมนูอาหารประเภทหมักดองเช่นเดียวกับปลาร้า ดังนั้น ในช่วง 1 เดือนแรกควรที่จะงดรับประทานอาหารประเภทนี้เอาไว้ก่อนเช่นกัน
- ทำจมูกดื่มแอลกอฮอล์ – แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเดือนแรก เพราะจะส่งผลทำให้แผลเกิดการติดเชื้อขึ้นได้ และแผลจะหายช้ากว่าเดิมด้วย
คนไข้สามารถอ่านเกี่ยวกับอาหารแสลงของผู้ศัลยกรรมได้ที่ 5 อาหารแสลงหลังผ่าตัดศัลยกรรม
อาหารที่ห้ามกินหลังเสริมจมูก
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 3 วันหลังเสริมจมูกอาจส่งผลให้เลือดออกที่ปากแผล จนทำให้อาการบวมรุนแรงขึ้นได้
- อาหารหมักดองและอาหารดิบ : อาหารประเภทหมักดองและอาหารดิบมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
- อาหารรสชาติเผ็ด : อาหารที่มีรสชาติเผ็ดเมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้น้ำมูกไหล ซึ่งอาจสัมผัสโดนกับแผลหลังเสริมจมูกจนเกิดการติดเชื้อได้
- อาหารโซเดียมสูง : อาหารที่มีโซเดียมสูงหรืออาหารที่มีรสชาติเค็มจัดเกินพอดีจะทำให้ร่างกายบวมน้ำ และส่งผลให้อาการบวมหลังเสริมจมูกหายช้าลง
- วิตามินอี, ใบแปะก๊วย, น้ำมันปลา : อาหารเสริมชนิดดังกล่าวจะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นจึงไม่ควรกินทั้งก่อนและหลังเสริมจมูก
หลังเสริมจมูกมีนัดเช็ดทรงไหม
- แพทย์จะนัดมาติดตามผลทุก 1 เดือน 3 เดือนและ 6 เดือน ควรมาพบแพทย์ตามวันและเวลาที่แจ้งในบัตรนัด
- หากเกิดกรณีสุดวิสัยไม่สามารถเข้ามาตามวันและเวลาที่ทางคลินิกนัดได้ หากไม่มีกังวล สามารถเช็คทรงจมูกออนไลน์ผ่านแอดมินได้ โดยถ่ายภาพ หน้าตรง ด้านข้าง และบริเวณบาดแผลส่งเข้ามาในช่องทางเดิมที่เคยติดต่อ และสามารถนัดติดตามผล 3 เดือน หรือ 6 เดือนกับทางแอดมินได้เลย
- หากมีกังวล หรืออยากพบแพทย์ สามารถเข้ามาที่คลินิกได้เสมอ แต่ต้องเช็ควัน และเวลา ทาง facebook ไลน์ หรือทางแอดมินก่อนทุกครั้ง เพราะคลินิกไม่ได้เปิดให้บริการทุกวัน
วิธีการนอนหลังเสริมจมูก
หลังทำจมูกนอนยังไง ? เป็นคำถามยอดฮิต ที่คนไข้หลายคนสงสัย การนอน คนไข้จะต้องนอนหมอนสูงเป็นเวลา 2 อาทิตย์ หรือให้นั่งหลับ ใช้หมอนรองคอประคองไว้ ห้ามนอนหมอนราบ และห้ามนอนตะแคงโดยเด็ดขาด
วิธีการอาบน้ำ ดูแลผิวหน้าหลังเสริมจมูก
ในช่วงระยะแรก แผลห้ามโดนน้ำเด็ดขาด จนกว่าจะตัดไหม โดยเฉพาะแผลบริเวณหลังหู คนไข้จะต้องคอยระวังตัวเองเวลาอาบน้ำ ล้างหน้า หรือแปรงฟัน ต้องระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ ถ้าคนไข้มีแผลที่หลังหูห้ามสระผมเด็ดขาด สระเองไม่ได้ สระร้านก็ไม่ได้นะคะ
- เวลาล้างหน้า ให้คนไข้ใช้สำลีชุบคลีนซิ่งแล้วค่อยๆเช็ดที่บริเวณใบหน้า ไม่ควรสัมผัสบริเวณใบหน้าแรง
- หากต้องการทำความสะอาดบริเวณหนังศีรษะ สามารถให้ใช้ผลิตภัณฑ์ Dry Shampoo แทนการสระผมได้
วิธีถอดเฝือก
1. ใช้คัตเติ้ลบัตชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณผ้าดามและเฝือกเพื่อง่ายต่อการถอดผ้าดาม
2. นำนิ้วสอดเข้าไปใต้เฝือกทั้งสองข้าง จับบริเวณปลายเฝือกแล้วง้างเฝือกออก
3. ยกเฝือกขึ้นตรงๆ ห้ามบิดซ้ายขวา ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการเบี้ยวเอียงได้
4. ถอดผ้าดามที่ปลายจมูกให้แยกออกจากกัน
5. ค่อยๆถอดผ้าดามฝั่งใดฝั่งหนึ่งออกก่อน
6. ดึงผ้าดามออกไปอีกฝั่งหนึ่ง ขั้นตอนนี้จะต้องค่อยๆดึงผ้าดามออกอย่างช้าๆ เพราะผ้าดามจะมีความเหนียว หากดึงแรง อาจจะเกิดการเบี้ยวเอียงได้
รู้สึกคันที่เฝือก จะสามารถถอดเฝือกออกได้เมื่อไหร่
อาการคันบริเวณเฝือกและผ้าก็อช เป็นเรื่องปกติ คนไข้ควรดามเฝือกและผ้าก็อชไว้อย่างน้อย 7 วัน ซึ่งช่วงระยะเวลานี้ ห้ามให้ผ้าก็อชและแผลโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตัดไหม ในวันที่ 7 ตอนเย็นๆสามารถแกะเฝือก และผ้าก็อชออกเองได้เลย แล้วจึงเริ่มทำความสะอาดแผลบริเวณหลังหู
วิธีถอดผ้าก็อช
1. สำหรับคนไข้ที่ใช้กระดูกอ่อนหลังหู จะมีผ้าก็อชติดอยู่บริเวณใบหู ด้านหน้าและด้านหลังประกบอยู่
2. เมื่อดึงผ้าก็อชแยกออกจากกันเบาๆ จะสังเกตเห็นเส้นไหมเล็กๆที่เชื่อมระหว่างผ้าก็อชทั้งสองอยู่
3. ใช้กรรไกลชุบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อน และนำมาตัดบริเวณไหม คนไข้สามารถเริ่มทำความสะอาดแผลได้เลยทันที หลังจากที่ถอดผ้าก็อชออกเรียบร้อย ทำความสะอาดเช้า-เย็น จนกว่าจะตัดไหมหลังหู
วิธีทำความสะอาดแผล บริเวณที่มีไหมเย็บแผล
- A คือแผล Open
- B คือแผลด้านในรูจมูก
- C คือ ไหม PDS เย็บล็อคแกนกลางจมูก
แผลตอกฐานจมูก ในตำแหน่งนี้ คนไข้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตอกฐานจมูก คือะไร ทำแล้วดีอย่างไร
แผลบริเวณหลังหู
ขั้นตอนการทำความสะอาดแผล
แผลทุกบริเวณ มีขั้นตอนการทำความสะอาดแผลเหมือนกันหมด โดยมีขั้นตอนการทำความสะอาดแผลดังนี้
- ใช้คัตเติ้ลบัตชุบเบตาดีน เช็คบริเวณที่เป็นแผลโดยตรง 1 รอบ ห้ามเช็ควนไปวนมาเด็ดขาด
- ใช้คัตเติ้ลบัตชุบน้ำเกลือ เช็ดคราบเลือดคราบเบตาดีนให้สะอาด
- ใช้คัตเติ้ลบัตชุบขี้ผึ้ง ทาเคลือบที่บริเวณแผลบางๆ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปในบาดแผล แต่ถ้าหากทาหนาเกินไป แผลจะแห้งช้า
- ปล่อยทิ้งแผลไว้ได้เลย ห้ามใช้!!! พลาสเตอร์ปิดบาดแผลทับหลังทำความสะอาดเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลแห้งช้าลง
วิธีทำความสะอาดแผลบริเวณจมูก
สำหรับแผลบริเวณจมูก คือแผลด้านในรูจมูก และแผล Open สามารถทำความสะอาดได้เลยทุกวัน เช้า-เย็น จนกว่าจะตัดไหม คนไข้มักสงสัยว่าต้องสอดคัตเติ้ลบัตไปลึกประมาณไหน ให้คนไข้สอดคัตเติ้ลบัตเข้ารูจมูก โดยให้ลึกประมาณมิดหัวคัตเติ้ลบัต
Tip : หากรู้สึกว่ามีก้อนเลือดแข็งอยู่ด้านในรูจมูก หรือมีเลือดไหลซึมออกมา ให้ใช้คัตเติ้ลบัตชุบน้ำเกลือแล้วแช่ทิ้งไว้บริเวณคราบเลือด รอสักพักให้คราบเลือดละลายแล้ววนเช็ดคราบเลือดออก
วิธีทำความสะอาดบริเวณหลังหู
สำหรับแผลบริเวณหลังหู สามารถเริ่มทำความสะอาดได้เลยตั้งแต่วันที่ 7 คือวันที่ถอดผ้าก็อชหลังหูออก เช้า – เย็น จนกว่าจะตัดไหมแผลหลังหู
หลังตัดไหมแล้ว ควรปฏิบัติตนอย่างไร
- หลังตัดไหมแล้ว แผลยังห้ามโดนน้ำประมาณ 1-2 วัน โดยไม่ต้องทำความสะอาดแผลแล้ว แต่ให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผลก่อน และสามารถเริ่มทายาลบเลือนรอยแผลเป็นได้เลย
ไม่สะดวกไปตัดไหม ควรทำอย่างไรดี
หากไม่สะดวกมาตัดไหม สามารถขอใบรับรองแพทย์นำไปตัดไหมที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแถวบ้านได้ โดยก่อนตัดไหมและหลังตัดไหม ให้ถ่ายภาพ หน้าตรง ด้านข้าง และบริเวณบาดแผล ส่งเข้ามาให้แอดมินก่อน
หลังตัดไหมไปแล้ว ยังรู้สึกเคืองๆด้านในจมูก เหมือนยังมีไหมค้างอยู่ ควรทำอย่างไรดี
หลังตัดไหม 14 วันแล้ว คนไข้อาจจะมีความรู้สึกถึงการระคายเคืองที่ด้านในรูจมูก ไม่ต้องกังวล เนื่องจากไหม PDS เป็นไหมเย็บล็อคแกนกลางจมูก ซึ่งไหมPDSเป็นไหมละลาย ไหมจะสามารถละลายไปเองได้ หากคนไข้มีความกังวล สามารถถ่ายภาพ หน้าตรง ด้านข้าง และบริเวณแผล ส่งเข้ามาให้เจ้าหน้าที่เช็คได้เลย หรือสามารถติดต่อกลับมาทางคลินิกได้
ไหมที่เย็บเป็นไหมละลายไหม ต้องมีนัดตัดไหมหรือเปล่า
ไหมที่เย็บเป็นไหมชนิดไม่ละลาย แพทย์จะนัดให้มาตัดไหม ไม่สามารถตัดไหมก่อนได้ แต่ตัดไหมหลังวันที่กำหนดได้ไม่เกิน 2-3 วัน ไม่เช่นนั้นไหมจะจม เวลาตัดไหมจะเจ็บ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งการตัดไหมจมูก มี 2 แบบ
- แบบที่ 1 เป็นเทคนิคปิด จะตัดไหม 14 วัน แต่ถ้าในกรณีที่คนไข้ใช้เทคนิคการตอกฐานจมูก จะมีตัดไหม 7 วันเพิ่มขึ้นมา
- แบบที่ 2 เป็นเทคนิค Open จะมีการตัดไหม 2 ครั้ง ครั้งแรกจะตัดไหม 7 วัน ครั้งที่ 2 จะตัดไหม 14 วัน
อย่าลืมพกบัตรนัดมาแสดงที่หน้าเคาน์เตอร์ทุกครั้งด้วยนะคะ
FAQ คำถามที่พบบ่อยหลังเสริมจมูก
รู้สึกว่ามีอาการบวม จะทำยังไงดี
ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนแรกหลังการทำศัลยกรรม จะมีอาการบวมช้ำอยู่ มีอาการยุบบวมสองข้างไม่เท่ากัน อาจจะทำให้รู้สึกเบี้ยวเอียง คนไข้ไม่ต้องกังวล หากยังรู้สึกว่ามีอาการบวมอยู่ สามารถประคบอุ่นต่อได้เรื่อยๆ
หลังทำจมูกไปแล้ว รู้สึกหายใจไม่ออก ควรทำอย่างไรดี
ช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกหายใจไม่สะดวกเนื่องจากเยื่อบุด้านในจมูกมีอาการบวม ไม่ต้องกังวล เป็นอาการปกติ หากรู้สึกมีน้ำมูก สามารถรับประทานยาลดน้ำมูกควบคู่ได้
หลังทำจมูกไปแล้ว เลือดออกเยอะมาก ทำยังไงดี
ช่วงระยะเวลา 1-2 วันแรก จะมีเลือดไหลซึมอยู่บ้าง เป็นอาการปกติ ให้ประคบเย็นเยอะๆ จะช่วยให้เลือดหยุดไหลไวขึ้น โดยให้เริ่มประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัด จนถึงช่วงวันที่ 3 และวันที่ 4 ให้เริ่มประคบอุ่นจนกว่าจะตัดไหม วิธีประคบ ให้ประคบบริเวณ 2 เบ้าตาซ้ายขวา หน้าผาก และหัวคิ้ว ประคบอย่าให้โดนซิลิโคน
หลังทำจมูกต้องกินยาอะไรบ้าง
คนไข้จะต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้หมด อย่าซื้อยามาทานเพิ่มเอง ยาที่สามารถรับประทานได้ คือยาแก้ปวด ยาลดบวม และยาฆ่าเชื้อ
รู้สึกเหมือนมีอาการแพ้ยา ควรทำอย่างไรดี
ในกรณีที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้น คัน รู้สึกมีอาการแพ้ หรือมีอาการผิดปกติ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากการทานยา ให้ทำการหยุดทานยาได้เลย และควรเข้าปรึกษาแพทย์ ซึ่งคนไข้ที่มีอาการแพ้ยา หรือมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ก่อนเข้าทำการรักษาทุกครั้ง
แผลเปียกน้ำ ควรทำอย่างไรดี
หากผ้าก็อชที่หู หรือแผลโดนน้ำก่อนตัดไหม ให้แกะผ้าก็อชออก แล้วรีบทำความสะอาดแผลทันที หากรู้สึกกังวล ให้ติดต่อกลับมาทางคลินิก
สรุป
ช่วงเวลาหลังเสริมจมูกเป็นช่วงเวลาที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากการเสริมจมูกจะทำให้เกิดแผลผ่าตัดที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างรอบคอบและดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกอย่างถูกวิธี นอกจากนี้การสังเกตอาการตัวเองหลังเสริมจมูกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อให้มองเห็นถึงอาการที่ผิดปกติและเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ