อยากทำนม เสริมหน้าอก ห้ามพลาด! รู้ครบ จบใน 3 นาที

การเสริมหน้าอกหรือการทำนมเป็นศัลยกรรมยอดนิยมที่ช่วยเสริมความมั่นใจและปรับรูปร่างให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น การทำนมไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเลือกขนาดซิลิโคนเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงเทคนิคการผ่าตัด และการเตรียมตัวที่เหมาะสมทั้งก่อนและหลังการทำนม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ออกมาบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการทำนม ตั้งแต่การเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับสรีระ เทคนิคการผ่าตัดที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ และวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้หน้าอกที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดค่ะ

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

เสริมหน้าอก ทำนม คืออะไร

การเสริมหน้าอกหรือการทำนม (Breast Surgery) คือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อเพิ่มขนาดหรือปรับรูปทรงของเต้านม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและปรับปรุงสัดส่วนร่างกายให้สมดุลมากขึ้น โดยทั่วไปการทำนมสามารถทำได้ด้วยการใช้ถุงซิลิโคนหรือการฉีดไขมันจากร่างกายของคนไข้ การผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือการทำนมสามารถทำได้ผ่านการกรีดบริเวณต่าง ๆ เช่น ใต้ราวนม ใต้รักแร้ หรือรอบปานนม ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล การเลือกวิธีการทำนมที่เหมาะสมควรพิจารณาจากสรีระ ความต้องการ และคำแนะนำของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ  

ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมหน้าอกหรือการทำนม

การเสริมหน้าอกหรือการทำนมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปร่างและเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง โดยการตัดสินใจทำนมควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของสรีระและความต้องการเฉพาะบุคคล ซึ่งกลุ่มผู้ที่เหมาะสมกับการเสริมหน้าอกมีดังนี้  

  • ผู้ที่มีหน้าอกขนาดเล็กหรือไม่มีเลย
    การทำนมเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก ทำให้สัดส่วนร่างกายสมดุลมากขึ้น มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น ส่งผลให้รูปร่างโดยรวมเซ็กซี่น่าดูดึงดูด ช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้แต่งตัวได้ง่ายหลากหลายสไตล์มากขึ้น
  • ผู้ที่มีหน้าอกสองข้างไม่เท่ากันหรือไม่สมมาตร
    การทำนมสามารถแก้ไขปัญหาหน้าอกที่มีความไม่เท่ากันหรือทิศทางไม่สมดุล ให้กลับมาดูสมส่วนและสมมาตรยิ่งขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขหน้าอกหลังการผ่าตัด
    เช่น ในกรณีที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม การทำนมสามารถช่วยฟื้นฟูรูปร่างของหน้าอก พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง
  • ผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย
    ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเนื่องจากอายุหรือหลังการมีบุตร การทำนมสามารถช่วยยกกระชับหน้าอกให้ดูเต็มและกระชับ พร้อมปรับรูปลักษณ์ให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ผู้ที่มีหน้าอกห่าง
    สำหรับผู้ที่ต้องการให้หน้าอกชิดกันและดูมีความสมส่วน การทำนมสามารถช่วยปรับรูปร่างให้หน้าอกใกล้ชิดและดูสวยขึ้นตามต้องการ

ทรงซิลิโคนทำนมมีกี่แบบ? เลือกแบบไหนที่เหมาะกับคุณ  

การเลือกซิลิโคนสำหรับการทำนมถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ของหน้าอกและความมั่นใจในระยะยาว โดยซิลิโคนทำนมแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามรูปทรงและคุณสมบัติ ซึ่งแต่ละแบบมีความเหมาะสมที่แตกต่างกันตามความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล

1.  ซิลิโคนทรงกลม (Round Breast Implants)

ซิลิโคนทรงกลมได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่ต้องการทำนมให้อวบอิ่มและเต่งตึง จุดเด่นของซิลิโคนทรงนี้คือช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้หน้าอกส่วนบน ทำให้หน้าอกดูเด้ง ดูเต็ม และเพิ่มความโดดเด่นโดยเฉพาะเวลาสวมใส่ชุดที่เน้นเนินอก

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีรูปทรงหน้าอกชัดเจนประมาณนึง หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้หน้าอกส่วนบน เช่น การแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ช่วยให้เนื้อหน้าอกส่วนด้านบนยกกระชับขึ้น
  • จุดเด่น: ทำให้หน้าอกดูเด่นชัดและมีเนินอกที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคเซ็กซี่ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย ซิลิโคนทรงกลมสามารถช่วยยกกระชับหน้าอกและทำให้ดูเต่งตึงมากขึ้น

2. ซิลิโคนทรงหยดน้ำ (Teardrop Breast Implants)

ซิลิโคนทรงหยดน้ำ หรือที่เรียกว่าทรงอนาโตมิคอล (Anatomical) มีรูปทรงเหมือนหยดน้ำ โดยด้านบนจะเรียบแบนกว่าด้านล่าง และมีวอลลุ่มป่องบริเวณฐาน ทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ไม่มีเนื้อหน้าอกเดิม ผู้ที่มีหน้าอกไก่ (ซี่โครงนูน) หรือผู้ที่ต้องการหน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น: ซิลิโคนทรงหยดน้ำช่วยเพิ่มวอลลุ่มบริเวณฐานล่างของเต้านม ทำให้หัวนมยกตั้งและดูมีมิติ อกสวยได้รูป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคละมุนและไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป

3. ซิลิโคนทรงกึ่งกลม (Semi-round Breast Implants)

ซิลิโคนทรงกึ่งกลมเป็นตัวเลือกที่ผสมผสานข้อดีของทรงกลมและทรงหยดน้ำ โดยลักษณะจะคล้ายทรงกลม แต่ฐานล่างจะหนากว่าด้านบนเล็กน้อย ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติในระดับกลาง

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการหน้าอกที่ดูเต็มและสวยเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องการความโดดเด่นเกินไป
  • จุดเด่น: ความเสี่ยงต่ำ และช่วยสร้างลุคที่ดูสมดุล ได้ทั้งความเต่งตึงและความละมุนในเวลาเดียวกัน

ผิวสัมผัสของซิลิโคน มีแบบไหนบ้าง?

การเลือกผิวสัมผัสของซิลิโคนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของการทำนมไม่ว่าจะเป็นความเป็นธรรมชาติ ความยืดหยุ่น และความปลอดภัย ซึ่งผิวสัมผัสของซิลิโคนแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้:

1. ผิวเรียบ (Smooth Silicone Implant)

ซิลิโคนผิวเรียบเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการทำนม โดยมีลักษณะพื้นผิวที่เนียนเรียบและลื่น ทำให้ถุงซิลิโคนสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระภายในโพรงหน้าอก

  • ข้อดี:
    • ใช้เวลาในการผ่าตัดสั้น และช่วยลดอาการบวมหลังผ่าตัด
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ เพราะผิวเรียบช่วยให้ใส่เข้าไปได้ง่าย
  • ข้อเสีย:
    • ผิวเรียบมีโอกาสเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคนได้ง่ายกว่าผิวทรายหรือผิวนาโน
    • จำเป็นต้องนวดหน้าอกสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการยึดติดของพังผืด

2. ผิวทราย (Textured Silicone Implant)

ซิลิโคนผิวทรายมีลักษณะพื้นผิวขรุขระคล้ายเม็ดทราย ช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืดและเพิ่มความมั่นคงของถุงซิลิโคน

  • ข้อดี:
    • ลดและชะลอการเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน
    • ช่วยให้ซิลิโคนทรงหยดน้ำไม่เคลื่อนหรือหมุนผิดตำแหน่ง
  • ข้อเสีย:
    • การผ่าตัดใส่ซิลิโคนผิวทรายใช้เวลาและมีความยากกว่าผิวเรียบ
    • ผิวทรายรุ่นเก่าบางชนิดอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่ง (ALCL)
    • ผิวสัมผัสอาจไม่เรียบเนียนและดูไม่ธรรมชาติเท่าผิวเรียบ

3. ผิวนาโนกำมะหยี่ (Nano-textured Silicone Implant)

ผิวนาโนกำมะหยี่ หรือที่เรียกว่าไมโครเท็กซ์เจอร์  นับว่าเป็นซิลิโคนที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่จากซิลิโคนเสริมหน้าอกยี่ห้อ Motiva โดยผิวสัมผัสจะละเอียดและเนียนนุ่ม เป็นการผสานข้อดีของผิวเรียบและผิวทรายเข้าด้วยกัน

  • ข้อดี:
    • ลดการเกิดพังผืดได้ดีเหมือนผิวทราย แต่ให้สัมผัสที่นุ่มและดูเป็นธรรมชาติเหมือนผิวเรียบ
    • มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้เคลื่อนไหวได้เหมือนเนื้อเยื่อจริง
    • ไม่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • จุดเด่น:
    ซิลิโคนผิวนาโนกำมะหยี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำนมอย่างปลอดภัย และมองหาผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว

ซิลิโคนเสริมหน้าอกทำไมต้อง Motiva เท่านั้น?

ทำนมต้องเลือกให้ดี! ทำไม WE Clinic ถึงไว้วางใจซิลิโคน Motiva หากคุณกำลังวางแผนจะทำนม การเลือกซิลิโคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซิลิโคนเสริมหน้าอกมี 2 ประเภทหลัก คือ ซิลิโคนน้ำเกลือ และ ซิลิโคนเจล ซึ่งซิลิโคนเจลได้รับความนิยมมากกว่า เพราะให้รูปทรงที่สวยงามและสัมผัสที่นุ่มกว่า

ที่ WE Clinic เราเลือกใช้ซิลิโคน Motiva เท่านั้น เพราะเป็นซิลิโคนที่ผ่านมาตรฐานระดับโลก US FDA และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ เช่น Nano Texture ลดโอกาสเกิดพังผืด และ Ergonomix ที่ช่วยให้ซิลิโคนเคลื่อนไหวไปตามร่างกาย ไม่แข็งเป็นก้อน เมื่อนอนจะคล้อยเหมือนหน้าอกจริง และเมื่อลุกขึ้นก็ยังคงทรงสวย

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Motiva คือความยืดหยุ่นสูงถึง 270% ลดโอกาสการแตกรั่ว และหากเกิดการรั่ว เนื้อเจลภายในจะไม่ไหลออกจากเปลือกซิลิโคน ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยระยะยาว

เสริมหน้าอกหรือทำนม ที่ WE Clinic เราคัดสรรซิลิโคนที่ดีที่สุด พร้อมเทคนิคการผ่าตัดพิเศษที่ช่วยให้แผลเล็ก ฟื้นตัวไว และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน หากคุณกำลังมองซิลิโคนทำนมที่ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ Motiva คือคำตอบ

ทำนมเหนือกล้ามเนื้อ หรือใต้กล้ามเนื้อ แบบไหนดีกว่ากัน?

ทำนมหรือเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมยอดนิยมที่ช่วยเพิ่มขนาดและความมั่นใจให้กับผู้หญิง ซึ่งหนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยก่อนทำศัลยกรรมคือ ควรเสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ หรือใต้กล้ามเนื้อ แบบไหนดีกว่ากัน? 

  1. ทำนมแบบเหนือกล้ามเนื้อ (Over the pectoral muscle)

เป็นการวางซิลิโคนไว้บนกล้ามเนื้อหน้าอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเดิมค่อนข้างมาก เพราะช่วยให้ซิลิโคนกลมกลืนไปกับเต้านมได้ดี และลดโอกาสที่ซิลิโคนจะมองเห็นเป็นขอบชัดเจน

ข้อดี

  • ฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อยกว่าการเสริมใต้กล้ามเนื้อ
  • ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงแน่นจนเกินไป
  • ไม่รบกวนการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าอก
  1. ทำนมแบบใต้กล้ามเนื้อ (Under the pectoral muscle)

เป็นการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอก เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย หรือผิวบาง เพราะช่วยป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนชัดจนเกินไป และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ข้อดีของการเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

  • ลดโอกาสเกิดพังผืดรัดถุงซิลิโคน
  • ได้ทรงหน้าอกที่ดูธรรมชาติและนิ่มมากขึ้น
  • ป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนโดยเฉพาะในคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย

ดังนั้นการเลือกเทคนิคเสริมหน้าอกที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเหมาะกับสรีระของคุณที่สุด

เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอก

การเลือกเทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสวยงามและผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งตำแหน่งแผลผ่าตัดที่นิยมในปัจจุบันมีอยู่2จุดหลัก คือ แผลใต้รักแร้ และ แผลใต้ราวนม โดยแต่ละตำแหน่งมีความเหมาะสมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและสรีระของผู้เข้ารับการผ่าตัด

  1. แผลใต้รักแร้ เป็นหนึ่งในเทคนิคเสริมหน้าอกหรือทำนมที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการซ่อนรอยแผลอย่างมิดชิด เนื่องจากแผลจะอยู่บริเวณใต้วงแขนด้านใน ทำให้มองไม่เห็นแม้ใส่ชุดคอลึก เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องแผลเป็นหรือมีปัญหาสีผิว อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ต้องใช้การส่องกล้องและเครื่องมือเฉพาะทาง เพราะเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน ใช้เวลานาน และจำกัดขนาดซิลิโคน รูแผลที่เล็กอาจทำให้การจัดวางตำแหน่งซิลิโคนไม่แม่นยำเท่าที่ควร ส่งผลให้ปัจจุบันเทคนิคนี้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าการผ่าตัดใต้ราวนม
  2. แผลใต้ราวนม เป็นเทคนิคการทำนมที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เนื่องจากตำแหน่งแผลผ่าตัดอยู่ในจุดที่เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย การจัดวางซิลิโคนผ่านแผลใต้ราวนมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้หน้าอกได้รูปทรงที่สมมาตรทั้งสองข้าง และลดโอกาสการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด นอกจากนี้แผลใต้ราวนมยังซ่อนอยู่ใต้ฐานหน้าอก จึงมองเห็นได้น้อยเมื่อตำแหน่งแผลถูกวางในจุดที่เหมาะสม อีกทั้งยังเหมาะกับการใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ และสามารถใช้เป็นตำแหน่งผ่าตัดในกรณีที่ต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนซิลิโคนในอนาคต และที่สำคัญเทคนิคของคุณหมอป่านเป็นเทคนิคเย็บซ่อนแผลพิเศษ แผลจะเนียนสนิทไปกับผิวโอกาสจะเห็นรอยน้อยมากเมื่อเวลาผ่านไปรูปทรงของหน้าอกจะเป็นธรรมชาติมากๆ   

แม้ว่าแผลใต้ราวนมจะมีข้อดีหลายประการ แต่ผู้เข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนมควรใส่ใจเรื่องการดูแลแผลเป็นอย่างถูกวิธี หากเกิดรอยแผลเป็นหรือแผลนูนขึ้น อาจทำให้แผลมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อสวมใส่ชุดที่โชว์เนินอกหรือเสื้อบิกินี ดังนั้นการดูแลหลังการผ่าตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

7 เช็กลิสต์เตรียมตัวก่อนทำนม

การทำนมหรือเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมที่ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

1.ควรลางานล่วงหน้า

หลังการทำนม ควรมีเวลาพักฟื้นอย่างน้อย 4-7 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว ลดอาการบวมช้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

2.งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด

ควรงดดื่มน้ำและงดรับประทานอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนจากยาสลบ เช่น การสำลักอาหารขณะดมยา

3.งดวิตามินและอาหารเสริมทุกชนิด

แนะนำให้งดวิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือนก่อนการทำนม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแข็งตัวของเลือดผิดปกติและลดอาการบวมหลังผ่าตัด

4.งดสูบบุหรี่

บุหรี่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจทำให้แผลหายช้า ดังนั้นควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือนก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลฟื้นตัวได้เร็วขึ้น  

5.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนและหลังการทำนม เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายและแผลหายช้ากว่าปกติ

6.หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า

ในวันผ่าตัด ควรงดแต่งหน้า ทาโลชั่น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ล้างออกยาก เช่น รองพื้นหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจทำให้แผลติดเชื้อได้

7.แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว

หากมีโรคประจำตัวใช้ยาประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถประเมินความเสี่ยงและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนทำนมอย่างถูกต้องจะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยง และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด

5 ทริคดูแลตัวเองง่ายๆ หลังทำนม

หลังจากทำนมหรือเสริมหน้าอกแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้หน้าอกได้ทรงที่สวยเป็นธรรมชาติ วันนี้ WE Clinic ขอแนะนำ 5 ทริคสำคัญ ที่ควรปฏิบัติตามหลังจากทำนมกันนะคะ

  1. ดูแลแผลผ่าตัดให้แห้งอยู่เสมอ

ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ 

  1. ควรนอนหงายและยกตัวสูง

หลังจากทำนมควรนอนหงายและใช้หมอนรองให้ตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่หรือเกิดแรงกดทับที่แผลได้

  1. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือแช่น้ำในอ่าง

หลังการผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือการแช่น้ำในอ่างอย่างน้อย 1 เดือน เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อและหายช้าลง

  1. หลีกเลี่ยงการสวมชุดชั้นในที่มีโครง

ในช่วง 3 เดือนแรก ควรหลีกเลี่ยงการใส่ชุดชั้นในที่มีโครงแข็ง เพราะอาจทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณแผลผ่าตัดและรบกวนการจัดรูปทรงของหน้าอก แนะนำให้ใส่ Support Bra หรือสปอร์ตบรา เพื่อช่วยพยุงหน้าอกและลดแรงกระแทก

  1. งดออกกำลังกายหนัก

หลังทำนมควรงดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะ เช่น การยกของหนัก วิ่ง หรือเวทเทรนนิ่ง เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลฉีกขาดหรือซิลิโคนเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง

ทำไมต้องทำนม ที่ WE Clinic

ทำนมกับคุณหมอป่านที่ WE Clinic มาพร้อมความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนาน คุณหมอเข้าใจสรีระและความต้องการของคนไข้เป็นอย่างดี พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใส่ใจเพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสม ที่WE Clinicใช้ซิลิโคนมาตรฐานระดับโลกอย่างMotiva  ซึ่งได้รับการรับรองด้านคุณภาพและความปลอดภัย ด้วยเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะและทันสมัย ช่วยลดขนาดแผล ฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงของพังผืด 

รวมถึงการดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการปรึกษาไปจนถึงการติดตามผลหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด รีวิวจากคนไข้จริงต่างยืนยันถึงความพึงพอใจในผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ ทำให้การทำนมกับคุณหมอป่านที่ WE Clinic เป็นทางเลือกที่ผสานทั้งความปลอดภัยและความสวยงามได้อย่างลงตัว 

อ่านประวัติคุณหมอป่านเพิ่มเติม:https://weclinicbkk.com/dr-paan-weclinic/

5 ข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำนม

1.นมห่างแก้ยังไงดี?

การทำนมสามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าอกห่างได้ แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินลักษณะของทรวงอกและเต้านมเดิมก่อน จากนั้นแพทย์จะเลือกขนาดและความกว้างของฐานซิลิโคนที่เหมาะสม เพื่อให้ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปช่วยปรับให้เนื้อหน้าอกและหัวนมชิดกันมากขึ้น การเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมและการวางตำแหน่งอย่างแม่นยำ จะช่วยให้หน้าอกดูสมส่วนและแก้ปัญหาหน้าอกห่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละบุคคล 

2.ทำนมทั้งที เอาใหญ่ๆไปเลยจะได้คุ้มๆ?

ความคุ้มค่าของการทำนม คือการที่สาว ๆ มีความมั่นใจในรูปร่างและรู้สึกดีกับตัวเอง ขนาดของซิลิโคนจึงควรถูกเลือกให้เหมาะสมกับสรีระร่างกาย เพราะหน้าอกที่ใหญ่เกินไป อาจทำให้ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น อาการปวดหลัง หายใจไม่สะดวก หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการกดทับเส้นประสาทจนเกิดอาการหัวนมชา 

โดยปกติแล้วเราจะเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับฐานลำตัว การใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป จะทำให้ดูไม่สมดุล ทำให้ฐานซิลิโคนหลุดออกจากข้างลำตัว ส่งผลให้ผิวยืดขยาย ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการเลือกซิลิโคนไม่เหมาะหรือไม่พอดีกับฐานลำตัว

3.ทำนมแล้วให้นมลูกได้หรือไม่?

สำหรับคุณแม่ที่เคยทำนมหรือเสริมหน้าอกมาแล้ว ไม่ต้องกังวล เพราะยังสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เนื่องจากการทำนม จะไม่มีผลกระทบต่อเนื้อนมหรือท่อน้ำนม คุณหมอป่านจะวางซิลิโคนในตำแหน่งที่ไม่กดทับหรือทำลายโครงสร้างของเนื้อเยื่อบริเวณเต้านม กระบวนการผลิตน้ำนมจึงยังคงทำงานได้ตามธรรมชาติ คุณแม่จึงสามารถให้นมลูกได้อย่างสบายใจแม้จะผ่านการทำนมมาแล้วค่ะ

4.หลังทำนมต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากทำนมหรือเสริมหน้าอก สามารถเริ่มใช้ชีวิตประจำวันได้ตั้งแต่วันแรกหลังการผ่าตัด แต่ในช่วงเดือนแรกควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการยกของหนักและงดกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนแผล หลังจากผ่านไป 1-2 เดือน สามารถเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ ได้ และกลับมาออกกำลังกายหนักหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติในช่วง 3 เดือนหลังการผ่าตัด การดูแลแผลและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การฟื้นตัวหลังทำนม เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุดนะคะ

5.หลังทำนม สามารถมีเซ็กส์ได้ไหม?

หลังจากการทำนม สาว ๆ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงแรก โดยแนะนำให้งดกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนบริเวณหน้าอกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหายดี และควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสหน้าอกอย่างรุนแรงจนกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ค่ะ

สรุป

การเสริมหน้าอกช่วยเสริมความมั่นใจและปรับรูปร่างให้สมส่วน การเลือกขนาดและรูปทรงต้องคำนึงถึงสรีระของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความสวยงามและปลอดภัยในระยะยาว

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี

โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ

ปรึกษา เสริมคาง เสริมจมูก ออนไลน์
Line chat facebook chat