การศัลยกรรมเสริมจมูกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งมีการพัฒนาเทคนิคที่ช่วยให้การศัลยกรรมจมูกง่ายและให้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็นเทคนิคเสริมจมูกแบบเปิดและเสริมจมูกแบบปิด สามารถแก้ปัญหาจากรูปทรงของจมูกและช่วยเสริมให้เป็นทรงมากยิ่งขึ้น
โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิดที่ WE clinic ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้ อาทิ การเตรียมตัวก่อนทำจมูกแบบปิด ข้อดีของเทคนิคนี้ และคำถามที่พบบ่อย เป็นต้น เนื้อหาต่างๆ สามารถอ่านต่อได้ตามข้างล่างเลย
การเสริมจมูกแบบปิด คืออะไร
การเสริมจมูกเทคนิคปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดเปิดแผลเล็กๆ ภายในรูจมูกเพียงแค่หนึ่งหรือสองข้าง เพื่อทำการเสริมจมูกด้วยการสอดซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาเป็นทรงเข้าไปด้านในบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูกของคนไข้ หรืออาจจะมีการใช้เทคนิคอื่นๆ เช่น การเย็บอินเตอร์โดม การรองปลาย ฯลฯ ตามเทคนิคของแพทย์เพื่อทำให้จมูกออกมาสวยงามมากขึ้น
วัสดุที่นิยมใช้เสริมจมูกแบบปิด
สิ่งที่สามารถใช้ในการเสริมจมูกแบบปิดได้ คือ ซิลิโคนจมูกและกระดูกอ่อนหลังหู โดยนิยมทำการเหลาซิลิโคนเพื่อเสริมให้เป็นทรงจมูกตามที่ต้องการ และใช้กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อก้นกบ หรือ เนี้อเยื่อเทียมในการรองปลายจมูกเพื่อกันการทะลุค่ะ
ใครที่เหมาะกับการเสริมจมูกเทคนิคปิด
สำหรับคนที่เหมาะจะเสริมจมูกแบบปิดคือ เคสที่ทำการเสริมใหม่ โดยคนไข้จะต้องไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก มีเนื้อปลายจมูกพอสมควร ไม่มีปัญหาจมูกสั้นหรือเนื้อน้อยมาก รวมถึงเหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความโด่งหรือการยืดส่วนปลายยาวขึ้นไม่เกิน 3-5 มิลลิเมตร แต่ถ้าต้องการความโด่งมากๆ การเสริมจมูกแบบโอเพ่นอาจจะเหมาะกว่าเพราะสามารถแก้ไขโครงสร้างได้มากกว่านั่นเอง
ความแตกต่างระหว่างเสริมจมูกเทคนิคปิดกับเทคนิคเปิด
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิดคือ ใช้เวลาไม่นาน ไม่เป็นการรบกวนเนื้อเยื่อระหว่างผ่าตัด จึงทำให้ระยะเวลาพักฟื้นสั้นกว่า บวมน้อยกว่า และเข้ารูปเร็วกว่า ใช้เวลาผ่าตัดน้อย รวมถึงใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ส่วนข้อเสียคือ ไม่สามารถแก้ทุกปัญหาของจมูกได้ และยังเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทำให้เนื้อเยื่อบางและทะลุด้วย
ส่วนการเสริมจมูกแบบโอเพ่นหรือแบบเปิดจากเป็นการผ่าตัดโดยการเปิดเเผลบริเวณใต้จมูก ตรงพื้นที่ระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างแล้วเข้าไปจัดการกับโครงสร้างของจมูกได้โดยตรง เช่น สันจมูกคด, สันจมูกเป็นฮัมพ์, ปลายจมูกใหญ่ ฯลฯ ด้วยเทคนิคต่างๆ ได้ง่าย เนื่องจากแพทย์สามารถมองเห็นปัญหาของจมูกคนไข้ได้ชัดเจน ทำให้การเสริมจมูกได้ทรงตามที่ต้องการโดยที่ไม่เกิดการทะลุ ลดโอกาสปัญหาเบี้ยวเอียงของซิลิโคน แถมสัมผัสยังเนียนไม่มีรอยต่อของซิลิโคน
ส่วนข้อจำกัดเลยก็คือ ใช้เวลาค่อนข้างนาน มีการดมยาสลบระหว่างผ่าตัด ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์มากกว่า ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเสริมจมูกแบบปิด
อ่านเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับ ฮัมพ์จมูก พร้อมบอกข้อควรรู้ในการตะไบฮัมพ์
เสริมจมูกเทคนิคปิดใช้เทคนิคอะไรแต่งปลายจมูก
ในการแต่งปลายจมูกของการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดมักใช้วิธีการรองปลายด้วยวัสดุสังเคราะห์ เช่น เนื้อเยื่อเทียมที่สังเคราะห์ขึ้นจากคอลลาเจน เป็นแผ่นนิ่มๆ คล้ายฟองน้ำ หรือใช้กระดูกอ่อนหลังหู ซึ่งเป็นกระดูกของคนไข้เองมารองบริเวณปลายจมูกก็ช่วยเพิ่มความหน้าของเนื้อเยื่อจมูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดจมูกทะลุเพราะปลายบาง เรียกได้ว่า เป็นการเสริมความปลอดภัยให้กับการเสริมจมูกแบบปิดได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
1. กระดูกอ่อนหลังหู
การใช้กระดูกอ่อนหลังหู (Postauricular cartilage) ในการเสริมจมูกแบบปิดนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยการแต่งปลายจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูนั้นต้องทำการเปิดบริเวณหลังหูเพื่อนำกระดูกอ่อนหลังหูออกมาแล้วจึงเย็บปิดค่ะ ซึ่งมีข้อดีคือทำให้ได้ปลายจมูกที่ยาวและพุ่งกว่าการใช้เนื้อเยื่อชนิดอื่น แต่ข้อจำกัดในการใช้กระดูกอ่อนหลังหูในการแต่งจมูกเมื่อเสริมจมูกแบบปิดคือคนไข้ต้องมีเนื้อปลายจมูกที่หนาค่ะ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระอ่อนหลังหู
2. เนื้อเยื่อก้นกบ (Dermofat graft)
หากใช้เนื้อเยื่อบริเวณก้นกบในการแต่งปลายจมูกจะต้องผ่าเปิดบริเวณก้อนกบเพื่อนำเนื้อเยื่อออกมาแล้วจึงเย็บปิด เนื้อเยื่อก้นกบที่ได้มาจะถูกตัดแต่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ทรงตามที่ต้องการ หลังจากใส่ซิลิโคนในเสริมจมูกแบบปิดจึงใช้เนื้อเยื่อก้นกบเพื่อรองบริเวณปลายจมูก ข้อดีคือได้จมูกทรงธรรมชาติ ปลายจมูกดูละมุนขึ้นค่ะ
3. เนื้อเยื่อเทียม
เนื้อเยื่อเทียม (Acellular Dermal Matrix) หรือ ADM คือวัสดุสังเคราะห์ที่ทำเพื่อเลียนแบบเนื้อเยื่อของมนุษย์ สำหรับใช้ในการทำหัตถการทางการแพทย์ ทำให้สามารถใช้ในการแต่งปลายจมูกเมื่อเสริมจมูกแบบปิด ข้อดีคือไม่ต้องทำการผ่าตัดบริเวณอื่นเพิ่มเติมค่ะ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อเทียม
เตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิด
การเตรียมตัวเพื่อเข้าทำศัลยกรรมเสริมจมูกแบบปิดเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดผลข้างเคียงรุนแรง ควรปฏิบัติตัวตามข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
- งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผ่าตัด
- งดการรับประทานยาสลายลิ่มเลือด รวมถึงควรแจ้งแพทย์หากจำเป็นจะต้องรับประทานยาโรคประจำตัว
- งดการใช้อาหารเสริม เช่น วิตามิน อี และแปะก๊วย เป็นต้น ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากแต่งหน้ามา ควรทำความสะอาดผิวหน้าก่อนการทำจมูกแบบปิด
- ควรงดการทำเล็บและต่อเล็บก่อนเข้ารับบริการ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดองและอาหารทะเลเพื่อลดโอกาสเกิดอาการอักเสบ
ขั้นตอนการเสริมจมูกเทคนิคปิด
- เข้ารับคำปรึกษาเรื่องทรงจมูกและเทคนิคต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ โดยทางศัลยแพทย์จะเป็นผู้ทำการประเมินพร้อมกับดูทรงจมูกที่ทางคนไข้ต้องการควบคู่ไปด้วย
- โดยก่อนผ่าตัดแพทย์จะทำการซักถามประวัติคนไข้ เช่น ประวัติแพ้ยา ประวัติโรคประจำตัว ฯลฯ ก่อนที่จะทำการผ่าตัด และระหว่างนี้แพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างใบหน้าและจมูก เพื่อวางแผนการผ่าตัด เช่น การเหลาซิลิโคนจมูกหรือวัสดุที่นำมาใช้เสริมจมูก ฯลฯ ที่ทำให้จมูกออกมารับกับใบหน้าได้มากที่สุด
- ระหว่างนี้คนไข้อาจได้รับประทานยาเพื่อคลายความกังวล
- แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก รอบจมูกๆ และบริเวณที่จะทำการผ่าตัดให้เรียบร้อย
- เตรียมความพร้อมสำหรับการเสริมจมูกแบบปิดด้วยการฉีดยาชา แพทย์จะทำการรอให้ยาชาออกฤทธิ์แล้วจึงทำการผ่าตัด
- การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิดจะใช้เวลาไม่นาน (โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดบริเวณในรูจมูกของคนไข้อาจจะเปิดแผลแค่ข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ หลังจากนั้นจึงจะทำการเสริมจมูกด้วยเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน
- เย็บปิดแผลด้านในโพรงจมูก
- ติดพลาสเตอร์หรือทำเฝือกอ่อนเพื่อยึดทรงของจมูก
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
- เหมาะกับเคสเสริมใหม่
- ใช้เวลาผ่าตัดสั้น
- ราคาเบาๆ
คนไข้ที่ไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูก มักสามารถทำการเสริมด้วยซิลิโคนปกติได้เลย เหมาะกับสาวๆที่ เสริมจมูกครั้งแรก ทำแปปเดียวเสร็จ สาวๆที่ขี้กลัวหน่อย เข้าห้องผ่าตัดไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว เสริมจมูกราคาเริ่มต้นมีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหลายหมื่น ขึ้นกับความชำนาญและเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน
- ไม่ต้องสลบ หลังทำได้ดูทรงทันที
- ซ่อนแผลในรูจมูก
เป็นการผ่าตัดเล็ก ฉีดยาชาเฉพาะที่จมูก จึงมักไม่ต้องให้ร่วมกับยานอนหลับ หรือยาสลบ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ทำเสร็จแล้วลุกมาดูกระจก ได้ดั้งใหม่ จมูกสวย ในพริบตา คุณหมอจะเปิดแผลซ่อนเข้าไปในรูจมูกเลย ถ้าคุณหมอเย็บแผลดี ไม่มีปมไหมบาดเนื้อภายนอก และคนไข้ก็ดูแลแผลดี ไม่มีประวัติแผลคีลอยด์ แทบจะไม่ทิ้งรอยแผลผ่าตัดไว้เลยค่ะ
ข้อควรระวังของการเสริมจมูกแบบปิด
- ระวังถ้าต้องแก้ซ้ำๆ :
- ไม่ควรเลือกเป็นเคส study :
- ถ้าไม่เข้าใจศัลยกรรม ยังไม่ควรทำ :
อาการหลังเสริมจมูกเทคนิคปิด
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกอาจมีอาการอาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดบริเวณจมูก เลือดออกบริเวณแผลได้ หรือบางรายมีเลือดออกปริมาณมาก โดยเลือดนั้นมากนั้นอาจเกิดจากแรงดันที่จมูก เช่น การจาม โดยควรจามแบบเปิดปาก และห้ามสั่งน้ำมูกเด็ดขาด
หลังจากนั้นอาจมีอาการข้างเคียง เช่น ตึงบริเวณแผลผ่าตัด ใต้ตาบวม เขียวช้ำ มีเลือดออก บ้วนปากแล้วมีเลือดลงคอ อึดอัดจมูก ฯลฯ แต่หลังจากผ่านไปประมาณ 7-14 วันอาการเหล่านี้จะดีขึ้นตามลำดับ และจมูกจะเริ่มเข้าที่หลังจากทำการเสริมไปแล้วอย่างน้อย 3-6 เดือนเป็นต้นไป
คุณหมอได้เคยเขียนเกี่ยวกับวิธีการดูแลตนเองไว้ที่บทความ หลังเสริมจมูก ดูแลตนเองอย่างไร ให้จมูกสวย ปลอดภัย ครับ
อาการข้างเคียงที่อาจจะพบ
แม้ว่าการเสริมจมูกแบบปิดจะเป็นเทคนิคที่ใช้เวลาไม่นานและปลอดภัย แต่ก็อาจพบผลข้างเคียงเบื้องต้นได้ ดังนี้
- อาจรู้สึกตึงแผลหรือปวดบริเวณที่ผ่าตัดได้ค่ะ
- ช่วงแรกอาจมีเลือดเกาดำไหลเล็กน้อย เกิดจากแรงดันภายในจมูก
- ใต้ตาอาจมีอาการเขียวช้ำค่ะ
- หายใจทางจมูกได้ลำบาก
- หากดูแลไม่ดีก็อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลได้ค่ะ
ถ้ามีอาการที่รุนแรงหรือนอกเหนือจากอาการข้างต้น ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการและรับการรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องต่อไปค่ะ
วิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกเทคนิคปิด
- รับประทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ควรนอนหมอนสูงหรือใช้หมอนรองคอช่วยเวลานอนและงดการนอนตะแคง 1 เดือน เพื่อลดอาการบวม
- ห้ามแกะ แคะ เกา บริเวณจมูก
- ในช่วง 7 วันแรกควรประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งตามคำแนะนำของแพทย์หลังจากวันที่ 7 เป็นต้นไปหากมีรอยช้ำสามารถใช้วิธีการประคบร้อนช่วยได้
- ควรระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
- ทำความสะอาดแผลทุกวันด้วยน้ำเกลือและสำลีพันก้านที่ผ่านการฆ่าเชื้อจนกว่าจะตัดไหม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการแพ้และอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด อาหารที่มีรสเผ็ด อาหารรสเค็ม
- หลีกเลี่ยงอาหารแสลง เช่น ของหมักดอง ปลาร้า อาหารสุกๆ ดิบๆ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เสี่ยงต่อการกระแทก เช่น การชกมวย หรือการออกกำลังกายหนักๆ
คนไข้ที่ต้องแก้จมูกซ้ำๆ มักไม่ใช่ปัญหาของการเปลี่ยนแท่งซิลิโคนแล้วจะจบนะ แสดงว่าจมูกเราต้องมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นแล้วหละ ยิ่งถ้าเป็นเคส ขูดฟิลเลอร์จมูก แล้วไม่จบ ให้มองหาทางเลือกอื่นไว้ด้วยเสมอๆนะคะ ศัลยกรรมจมูก ราคาถูก มักมีเหตุผลแอบแฝง เช่น การเป็นเคสศึกษาให้กับแพทย์ที่ยังไม่ชำนาญ หากไม่ได้การควบคุมจากแพทย์อาวุโสที่ดีพอ
เรามีสิทธิ์เกิดภาวะแทรกซ้อน ดั้งเบี้ยว เย็บแผลรั้ง รูจมูกผิดรูป ได้สูงมาก ควรสอบถามข้อมูลให้ดี ก่อนคิดจ่ายเงิน การผ่าตัดทุกชนิดย่อมต้องมีผลข้างเคียง ถ้าไปบอกคุณหมอ ขอโด่งพุ่งๆ เกิดฝืนเกินเนื้อไป ก็มีสิทธิ์ ซิลิโคนทะลุ ออกมาเชยชมโลกภายนอกได้ หรือบางคนก็มีโอกาสเป็นแผลคีลอยด์ได้ง่ายกว่าคนอื่น รวมทั้งความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อน เช่น เบี้ยว เอียง อักเสบ ซึ่งจุดนี้ควรสอบถามถึงการดูแลหลังทำของ คลีนิคเสริมจมูก ที่คุณเลือกไว้
reference
- Gallagher, G. (2021, August 20). Everything to Know About a Closed Rhinoplasty. healthline.com/health/cosmetic-surgery/closed-rhinoplasty
- Jafarizade, M. (2023, February 5). What are the Differences Between an Open and Closed Rhinoplasty? raadinahealth.com/en/blog/open-vs-closed-rhinoplasty
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ