ใต้ตาลึกเกิดจากอะไร? หมอปิงปิงเผยวิธีแก้ให้ตรงจุด

แม้นอนหลับเพียงพอ แต่ใบหน้ายังดูหมอง บ่อยครั้งมักเกิดจากใต้ตาลึก ร่องเชิงโครงสร้างบริเวณรอยต่อใต้ตากับแก้มที่ก่อให้เกิดเงาคล้ำจนเมคอัพไม่ค่อยเรียบเนียน 

วันนี้หมอปิงปิงจาก WE Clinic ชวนทำความเข้าใจปัญหาให้ตรงจุด และเลือกแนวทางแก้ไขให้เหมาะกับแต่ละคนกันค่ะ

ใต้ตาลึก คืออะไร ? มีลักษณะอย่างไร 

ใต้ตาลึก คือ ภาวะที่ผิวบริเวณรอยต่อใต้ตากับแก้มยุบตัวเป็นร่องลึก จนเห็นขอบกระดูกเบ้าตาชัด เกิดเป็นเงาตกกระทบให้ใต้ตาดูคล้ำและเว้า ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า โทรม หรือแก่กว่าวัย ทั้งที่จริงอายุยังไม่มาก 

หลายคนเรียกลักษณะนี้ว่าตาโบ๋หรือตาโหล ซึ่งมักมาพร้อมริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ตา จึงแต่งหน้าได้ยากและดูไม่เรียบเนียน 

ใต้ตาลึก มีสาเหตุมาจากอะไร และเกิดจากอะไร ?

ใต้ตาลึกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งความลึกของเบ้าตา หรือเม็ดสีบริเวณใต้ตา หรือปัจจัยอื่น ๆ คุณหมอปิงปิง WE Clinic จึงแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ ดังนี้ค่ะ

1. กลไกทางสรีรวิทยาของใต้ตาลึก (Deep-set Eyes)

ลักษณะใต้ตาลึกมีความซับซ้อนกว่าแค่โครงสร้างผิวหนัง แต่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างที่อยู่ลึกกว่านั้น:

  • กระดูกเบ้าตา (Orbital Bone): ปริมาตรของเบ้าตา (orbital volume) และตำแหน่งของขอบกระดูกเบ้าตา (orbital rim) มีบทบาทสำคัญ
    • ปริมาตรเบ้าตาที่ใหญ่: ทำให้ลูกตาดูจมลึกเข้าไปภายใน
    • ขอบกระดูกเบ้าตาที่ยื่นออกมาด้านหน้ามากกว่า: ทำให้เกิดเงาที่ชัดเจนบริเวณใต้ตาเมื่อมีแสงตกกระทบจากด้านบนค่ะส่งผลให้ใต้ตาลึกกว่าปกติ
  • เนื้อเยื่อไขมันเบ้าตา (Orbital Fat):
    • การฝ่อตัวของไขมัน: เมื่ออายุมากขึ้นหรือในภาวะขาดสารอาหาร เนื้อเยื่อไขมันที่รองรับดวงตาและเติมเต็มบริเวณใต้ตาจะฝ่อตัวลง (fat atrophy) ทำให้ปริมาตรใต้ตาลดลงอย่างมาก เกิดเป็นร่องลึกที่เรียกว่า ร่องน้ำตา (tear trough deformity)ส่งผลให้ใต้ตาลึกได้
    • แผ่นกั้นเบ้าตา (Orbital Septum): เป็นเนื้อเยื่อพังผืดที่กั้นระหว่างไขมันเบ้าตากับเปลือกตา เมื่ออายุมากขึ้น แผ่นกั้นนี้อาจอ่อนแอลง ทำให้ไขมันเคลื่อนตัวไปด้านหน้า (กลายเป็นถุงใต้ตา) หรือในทางกลับกัน หากโครงสร้างโดยรวมทรุดตัวลงก็จะทำให้ร่องตาลึกขึ้นได้ค่ะ
  • การเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ผิว: การสลายตัวของคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (dermis) ทำให้ผิวหนังขาดความหนาแน่นและความสามารถในการอุ้มน้ำ ส่งผลให้ผิวยุบตัวลงและเห็นร่องลึกชัดเจนขึ้น

2. กลไกทางสรีรวิทยาของใต้ตาดำ (Dark Under Eyes)

ใต้ตาดำไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมจากหลายกลไก:

  • ภาวะเม็ดสีผิวมากเกินไป (Periorbital Hyperpigmentation):
    • นี่เป็นสาเหตุหลักในกลุ่มเชื้อชาติเอเชียใต้และเมดิเตอร์เรเนียน
    • เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ผลิตเมลานินออกมาสะสมในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้บริเวณรอบดวงตามากกว่าปกติ
    • อาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง (เช่น ภูมิแพ้), การขยี้ตาบ่อยๆ, หรือการสัมผัสแสงแดด
  • การไหลเวียนของเลือดและหลอดเลือด (Vascularity):
    • ผิวหนังใต้ตามีความบางมาก  ทำให้เห็นเครือข่ายหลอดเลือดฝอยและเส้นเลือดดำได้ชัดเจน
    • เมื่อมีการคั่งของเลือด (blood pooling) โดยเฉพาะหลังการพักผ่อนไม่เพียงพอ เลือดจะขาดออกซิเจนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ (ม่วง/น้ำเงิน) และสะท้อนผ่านผิวหนังออกมาให้เห็นเป็นรอยคล้ำ
  • แสง (Optical Effect):
    • ในกรณีของใต้ตาลึก ความมืดหรือคล้ำที่เห็นส่วนใหญ่คือ “เงา” ที่เกิดจากการตกกระทบของแสงบนร่องลึกใต้ขอบกระดูกเบ้าตา ไม่ใช่สีผิวที่แท้จริง 

3.เนื้อเยื่อและกระดูก

ใต้ตาลึกไม่ใช่แค่เรื่องผิวหนังชั้นนอก แต่เป็นผลรวมของการเปลี่ยนแปลงในชั้นต่างๆ ตั้งแต่กระดูกไปจนถึงผิวหนัง 

  • การยุบตัวของกระดูกเบ้าตา (Orbital Bone Remodeling): ในกระบวนการชราตามธรรมชาติ โครงสร้างกระดูกรอบดวงตา โดยเฉพาะบริเวณขอบล่างของเบ้าตา (inferior orbital rim) มีการยุบตัวหรือกร่อนไปเล็กน้อย ส่งผลให้พื้นที่เบ้าตากว้างขึ้นและลึกขึ้น เมื่อฐานรองรับหายไป ลูกตาก็จะดูเหมือนจมลึกลงไป
  • แผ่นกั้นเบ้าตา (Orbital Septum) และการเคลื่อนของไขมัน:
    • Orbital Septum เป็นเหมือนแผ่นพังผืดบางๆ ที่กั้นระหว่างไขมันในเบ้าตา (orbital fat) กับเปลือกตาด้านหน้า
    • เมื่ออายุมากขึ้น แผ่นกั้นนี้จะอ่อนแอลงและหย่อนยาน ทำให้ไขมันในเบ้าตาที่ปกติควรพยุงดวงตาไว้นั้นเคลื่อนตัวยื่นออกมาด้านหน้า (กลายเป็นถุงใต้ตา)
    • การที่ไขมันเคลื่อนออกมาด้านหน้า ทำให้ปริมาตรไขมันที่อยู่ลึกด้านในลดลง ส่งผลให้เกิดเป็นร่องลึกหรือ “tear trough deformity” บริเวณรอยต่อระหว่างเปลือกตาล่างกับแก้ม
  • เนื้อเยื่อไขมันฝ่อตัว (Subcutaneous Fat Atrophy): ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณแก้มส่วนบน (malar region) และใต้ตาชั้นตื้นลดปริมาณลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวหนังยุบตัวตาม เกิดเป็นร่องลึกและเงาที่ชัดเจน 

4. ผิวหนังและเม็ดสี

ผิวหนังบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บางที่สุดในร่างกาย มีความหนาเพียง 0.5 มิลลิเมตร เท่านั้น ทำให้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงมาก 

  • การทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินระดับเซลล์:
    • รังสียูวีจากแสงแดด กระตุ้นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน (Matrix Metalloproteinases – MMPs)
    • อนุมูลอิสระจากการสูบบุหรี่และมลภาวะก็เร่งกระบวนการนี้ ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ผิวบางและหย่อนคล้อย
  • กลไกการเกิดรอยคล้ำ (Periorbital Hyperpigmentation – PIH):
    • เม็ดสีเมลานิน (Melanin): ในกลุ่มเชื้อชาติที่มีผิวคล้ำ มีแนวโน้มการผลิตเมลานินสูงกว่าปกติในบริเวณรอบดวงตาจากพันธุกรรม
    • การคั่งของเลือด (Blood Stasis): เมื่อพักผ่อนน้อยหรือมีอาการภูมิแพ้ ทำให้หลอดเลือดใต้ตาขยายตัวและมีการคั่งของเลือด (venous congestion) ผิวที่บางทำให้เห็นสีม่วงคล้ำของเส้นเลือดและฮีโมโกลบินได้ชัดเจน เหมือนรอยช้ำจางๆ
    • การอักเสบเรื้อรัง: การขยี้ตาบ่อยๆ หรือโรคผิวหนังอักเสบ (เช่น atopic dermatitis) ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสะสมของเม็ดสีตามมา (post-inflammatory hyperpigmentation) 

5. ปัญหาสุขภาพอื่นๆ

  • ภาวะขาดน้ำระดับเซลล์: การขาดน้ำไม่ได้ส่งผลแค่ภายนอก แต่ทำให้เซลล์ผิวหนังขาดความเต่งตึง (turgor) และปริมาตรเนื้อเยื่อใต้ตาลดลงชั่วคราว ทำให้ร่องลึกดูชัดขึ้นทันที
  • ยาบางชนิด: ยาบางประเภท เช่น ยาหยอดตารักษาต้อหินกลุ่ม prostaglandin analogs สามารถทำให้ไขมันในเบ้าตาลดลง (orbital fat atrophy) เป็นผลข้างเคียงโดยตรง ทำให้เกิดภาวะตาโหลลึกได้ 

ความเข้าใจในกลไกที่ลึกซึ้งเหล่านี้ช่วยให้ทราบว่าการรักษาใต้ตาลึกต้องใช้หลายวิธีผสมผสานกัน ทั้งการแก้ไขโครงสร้างด้วยหัตถการ เช่น ฟิลเลอร์ หรือการปรับปรุงคุณภาพผิวการเติมไขมันหรือแม้แต่การทำPRP

อ้างอิงข้อมูลจาก

  1. กลไกทางสรีรวิทยาและสาเหตุที่หลากหลายของใต้ตาดำและใต้ตาลึก (ครอบคลุมทั้งเม็ดสีและโครงสร้าง)
  • อ้างอิง: Alsaad, S. M., & Ross, R. J. (2016). Infraorbital dark circles: A review of the pathogenesis, evaluation, and treatment options. Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology, 9, 211–222. 

ลิงก์ไปยังแหล่งที่มา (NCBI/PubMed Central): https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4924417/

  1. กายวิภาคของร่องน้ำตาและการจัดการความผิดรูปของเปลือกตาล่าง (เน้นโครงสร้างใต้ตาลึก)
  • อ้างอิง: Haddock, N. T., Saadeh, P. B., Webb, H. D., & Levine, S. M. (2009). Evaluation and Treatment of the Tear Trough Deformity in Lower Eyelid Rejuvenation. Plastic and Reconstructive Surgery, 124(4), 1332–1340.  ลิงก์แหล่งที่มา (NCBI/PubMed Central): https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2884834/

ปัญหาร่องใต้ตาลึก สามารถแก้ไขได้ไหม ?

ปัญหาร่องใต้ตาลึกสามารถแก้ไขได้หลายวิธี โดยวิธีที่นิยมและเห็นผลเร็วคือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดไขมัน(Fat Grafting)หรือ การทำเลเซอร์และเครื่องยกกระชับ ซึ่งผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรงของปัญหา 

วิธีแก้ใต้ตาลึกด้วยเทคนิคทางการแพทย์

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา (Tear Trough Filler)

ฟิลเลอร์เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูงเพื่อเติมเต็มใต้ตาลึกโดยจะฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตาในชั้น SOOF (Sub-Orbicularis Oculi Fat) ซึ่งชั้นไขมันที่อยู่ลึกใต้กล้ามเนื้อรอบดวงตา 

ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม Support เส้นเอ็นใต้ตาทำให้ดูยกขึ้น การฉีดฟิลเลอร์จึงกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก มีริ้วรอยหมองคล้ำ หรือใต้ตาที่กระดูกใต้ตายุบตัวลงทำให้เนื้อบริเวณใต้ตาลงตามค่ะ

กลไกการทำงาน: สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่ใช้เป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ HA ตามธรรมชาติในร่างกาย HA โมเลกุลมีความสามารถในการดึงดูดและกักเก็บน้ำได้สูงถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง 

เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวที่ลึกเหนือกระดูกเบ้าตา จะทำหน้าที่เป็นเหมือนโครงสร้างค้ำยัน (scaffolding) เพิ่มปริมาตรทันทีและปรับผิวบริเวณที่เป็นร่องให้เรียบเสมอกับส่วนแก้ม ช่วยลดเงาดำที่เกิดจากแสงตกกระทบ

ประสิทธิภาพ: เห็นผลทันทีหลังฉีด ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเมื่อเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดและความยืดหยุ่นเหมาะสมสำหรับบริเวณใต้ตาโดยเฉพาะ

อายุการใช้งาน: อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ ย่อยสลายสาร HA ไปตามธรรมชาตินะคะ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ที่ : https://weclinicbkk.com/under-eye-filler/

2. ฉีดไขมันใต้ตา (Fat Transfer / Fat Grafting)

การฉีดไขมันเป็นวิธีที่นิยมสำหรับแก้ใต้ตาลึก โดยใช้ไขมันของคนไข้เอง จึงลดความเสี่ยงแพ้สิ่งแปลกปลอม ขั้นตอนหลักคือการเก็บไขมันส่วนเกิน 

จากหน้าท้องหรือต้นขา นำไขมันมาใส่เครื่องปั่น(Centrifuge)เหวี่ยงแยกชั้นไขมัน และฉีดไขมันเป็นชั้น ๆ บริเวณร่องน้ำตา/ใต้ตาที่ลึกให้เรียบต่อเนื่องกับแก้ม

กลไกการทำงาน : ไขมันจะถูกเก็บเกี่ยวด้วยกระบวนการพิเศษที่รักษาเซลล์ให้มีชีวิตมากที่สุด หลังฉีด เซลล์ไขมันที่อยู่รอดจะต้องสร้างการเชื่อมต่อกับเส้นเลือดฝอยใหม่ในบริเวณที่ฉีดเพื่อให้ได้รับสารอาหารและอยู่รอดได้ 

เทคนิค: คุณหมอปิงปิงใช้เทคนิค Layering fat คือการฉีดไขมันปริมาณน้อย ๆ เรียงทีละชั้นจากตื้นถึงลึก เพื่อให้เส้นเลือดเข้าไปเลี้ยงได้ทั่วถึง 

ผลคือไขมันติดดีขึ้น เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ลดเป็นก้อน/ยุบไม่เท่ากัน และคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น

ประสิทธิภาพ: ให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวล เป็นธรรมชาติ และยาวนานกว่าฟิลเลอร์ 

อายุการใช้งาน: ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่อัตราการอยู่รอดของไขมันอาจคาดเดาได้ยากในแต่ละบุคคล อาจมีการสลายไปบ้างเล็กน้อย

ความเสี่ยง: เป็นหัตถการที่มีความซับซ้อนกว่าฟิลเลอร์ พักฟื้นนานกว่า และผลลัพธ์อาจไม่สม่ำเสมอหากเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง 

3. เลเซอร์ใต้ตา HIFU และ RF (High-Intensity Focused Ultrasound & Radiofrequency)

วิธีการเหล่านี้เป็นการกระตุ้นการซ่อมแซมผิวจากภายใน ไม่ใช่การเติมเต็มปริมาตรโดยตรงนะคะ 

กลไกการทำงาน: 

HIFU: ส่งคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและโฟกัสเป็นจุดเล็กๆ ไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)

ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้เกิดจุดความร้อนเล็กๆ (thermal coagulation points) กระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนทันทีและเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว

RF: ส่งพลังงานคลื่นความถี่สูงไปที่ชั้นหนังแท้ (dermis) ทำให้เกิดความร้อนที่สม่ำเสมอกว่า HIFU กระตุ้นให้คอลลาเจนที่มีอยู่หดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เช่นกัน

ประสิทธิภาพ: ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ทำให้ผิวด้านบนแน่นขึ้น และลดความบางของผิวใต้ตาได้เล็กน้อย แต่ไม่สามารถเติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากการขาดปริมาตรเนื้อเยื่อได้

ผลลัพธ์: มักต้องทำหลายครั้ง (หลายเซสชัน) เพื่อให้เห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏใน 2-6 เดือนหลังทำ 

4. PRP (Platelet-Rich Plasma Therapy)

การฉีด PRP ใต้ตา (Platelet Rich Plasma) เป็นการใช้เกล็ดเลือดของคนไข้เองมาช่วยฟื้นฟูผิวใต้ตา  เหมาะกับเคสที่มี ใต้ตาคล้ำ 

หรือผิวบางจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี แต่ถ้ามีปัญหา ใต้ตาลึกจากโครงสร้างหรือกระดูกยุบ มักใช้ฟิลเลอร์ร่วมเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
กลไกการทำงาน: PRP มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดและ Growth Factors (สารกระตุ้นการเจริญเติบโต) สูงกว่าปกติหลายเท่า เมื่อฉีดเข้าไปใต้ตา Growth Factors จะถูกปล่อยออกมาเพื่อกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซม

และฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่างกาย ได้แก่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

ประสิทธิภาพ: เน้นการปรับปรุงคุณภาพผิว ลดรอยคล้ำที่เกิดจากการไหลเวียนไม่ดีหรือผิวบาง ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและสว่างขึ้น ไม่ได้ให้ปริมาตรหรือแก้ไขร่องลึกทันทีเหมือนฟิลเลอร์

ผลลัพธ์: ต้องทำหลายครั้ง (แนะนำ 3-4 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์) และผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังทำแต่ละครั้ง 

ปัญหาใต้ตาลึกเกิดได้จากหลายสาเหตุ วิธีรักษาจึงแตกต่างกันออกไป แนะนำให้เข้าปรึกษาคุณหมอปิงปิง ที่ WE Clinic 

หมอจะประเมินและแนะนำทางเลือกที่เหมาะสม ทั้งการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมัน PRP หรือ HIFU/RF เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ให้ตาดูสดใสขึ้น

วิธีแก้ไขใต้ตาลึก ที่รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

ใต้ตาลึก (Sunken eyes) มักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การพักผ่อนน้อย ขาดน้ำ พันธุกรรม หรืออายุที่เพิ่มขึ้น วิธีธรรมชาติสามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสขึ้นได้ โดยต้องอาศัยความสม่ำเสมอ การแก้ไขใต้ตาลึกด้วยวิธีธรรมชาติมีดังนี้ค่ะ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองและลดการคั่งของเลือดบริเวณใต้ตา
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การขาดน้ำทำให้ผิวหมองคล้ำและเห็นเส้นเลือดใต้ตาชัดขึ้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C และ K ซึ่งช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด
  • ประคบเย็น: ใช้แตงกวาฝานบางๆ แช่เย็นจัด หรือใช้ถุงชาที่ใช้แล้วแช่เย็น นำมาวางบนเปลือกตาประมาณ 15 นาที ความเย็นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดรอยคล้ำ
  • นวดกระตุ้นการไหลเวียน: ใช้นิ้วนวดเบาๆ บริเวณรอบดวงตาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งช่วยให้ผิวใต้ตากระชับและรอยคล้ำจางลง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: ทาอายครีมหรือเจลบำรุงใต้ตาที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิก หรือมีส่วนผสมของวิตามิน C เป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยทำร้ายผิว:
    • หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด: ควรทาครีมกันแดดและสวมแว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวบอบบางรอบดวงตาจากรังสียูวี
    • ลดการดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและทำให้ผิวหมองคล้ำ
    • งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • ปรับท่านอน: ลองนอนหนุนหมอนให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเหลวรอบดวงตาดีขึ้นและลดอาการบวมคล้ำในตอนเช้า 

หากวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล หรือปัญหาร่องใต้ตาลึกมีความรุนแรง อาจเกิดจากโครงสร้างผิวหรือการเสื่อมสภาพตามวัย ซึ่งอาจต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ดูนะคะ

การดูแลหลังฉีดไขมันใต้ตา แก้ไขใต้ตาลึก

หลังจากที่ทำการฉีดไขมันใต้ตาแล้ว จะพบว่ามีอาการบวมเกิดขึ้นบ้าง โดยจะเกิดในช่วง 1-7 วันแรก ดังนั้น ไม่ต้องกังวลไป แนะนำให้ทำตามข้อปฏิบัติที่แพทย์แจ้งก็จะช่วยให้หายไวขึ้น โดยมีข้อปฏิบัติตนง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

  • หากพบว่ามีอาการบวม ให้รับประทานยาลดบวมที่แพทย์จ่ายให้
  • ไม่ประคบร้อนหรือเย็นใดๆ ในบริเวณที่ทำการฉีดไขมัน เพราะจะทำให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปตายได้
  • บริเวณที่เป็นรอยเข็มควรงดโดนน้ำประมาณ 2 วัน เนื่องจากบริเวณรอยเข็มบนใบหน้าจะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงจึงจะปิดสนิท
  • นอนหนุนหมอนสูงให้ศีรษะสูงเข้าไว้ประมาณ 1 สัปดาห์และควรนอนหงายเพียงอย่างเดียว ไม่นอนคว่ำหน้าประมาณ 3 เดือน
  • งดออกกำลังกายประมาณ 1 เดือน
  • งดนวดหน้า เลเซอร์ ซาวน่า ว่ายน้ำประมาณ 1 เดือน
  • งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลง รวมถึงวิตามิน 
  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ หลังฉีดไขมันใต้ตา 1 เดือน

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ตาลึก ตาโหล

  • งดสัมผัสบริเวณที่ฉีด ห้ามขยี้ เกา กด หรือนวดบริเวณใต้ตา 
  • งดทาครีมหรือยาบริเวณรอยเข็ม 1 คืนแรก 
  • แนะนำให้ประคบเย็นเบาๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม แต่ไม่ควรกดแรงนะคะ
  • ปรับท่านอนนอนยกศีรษะให้สูงกว่าระดับอก และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ 
  • สามารถแต่งหน้าได้หลัง 24 ชั่วโมง แต่ต้องระวังไม่ให้กดถูบริเวณที่ฉีดแรงๆ 
  • งดนวดหน้า เลเซอร์ ซาวน่า ว่ายน้ำ 1 เดือน

วิธีป้องกันไม่ให้ใต้ตาลึก ทำยังไงได้บ้าง ?

วิธีป้องกันไม่ให้ใต้ตาลึกมีทั้งการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลผิวเฉพาะจุด ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยกระตุ้นและส่งเสริมสุขภาพผิวที่ดีไม่ให้หน้าโทรมหรือดูอ่อนเพลียตลอดเวลา โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้ค่ะ 

  • นอนหลับให้เพียงพอ: ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และรักษารูปแบบการนอนให้สม่ำเสมอ
  • หนุนศีรษะให้สูงขึ้น: ใช้หมอนเสริมเพื่อยกศีรษะให้สูงขึ้นขณะนอนหลับ วิธีนี้ช่วยป้องกันการสะสมของของเหลวใต้ดวงตาและลดอาการบวม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ภาวะขาดน้ำทำให้อาการขอบตาดำชัดขึ้นได้ ควรดื่มน้ำตลอดทั้งวันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและดูอิ่มน้ำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และคาเฟอีนเกินขนาด: สารเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ขอบตาดำคล้ำขึ้น
  • งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและเร่งกระบวนการชราของผิว
  • จัดการความเครียด: หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น โยคะ หรือทำสมาธิ เพื่อลดความเครียดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและลักษณะผิว 
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด: ทาครีมกันแดดบริเวณรอบดวงตาเป็นประจำ และสวมแว่นกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีเมื่อออกแดดเพื่อป้องกันผิวคล้ำเสีย
  • ประคบเย็น: ใช้ผ้าเย็น, ช้อนแช่เย็น, หรือแผ่นเจลเย็นประคบบริเวณใต้ตา จะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวมและรอยคล้ำได้ชั่วคราว
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา: มองหาอายครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, เรตินอล, หรือกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งช่วยให้ผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้นขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: ผิวบริเวณรอบดวงตาบอบบางมาก การขยี้ตาบ่อยๆ อาจทำให้เส้นเลือดฝอยเสียหายและทำให้รอยคล้ำแย่ลง

เลือกคลินิกแก้ปัญหาใต้ตาลึก ที่ไหนดี เห็นผล ?

ร่องใต้ตาลึกไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะสาเหตุซับซ้อนกว่าที่คิด บางคนเกิดจากเบ้าตาลึกหรือไขมันยุบ บางคนผิวบางมากๆ เส้นเลือดตื้น หรือเม็ดสีสะสม 

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรเลือกคลินิกที่สามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ไม่งั้นทำไปเท่าไรก็ไม่ค่อยเห็นผล ก่อนตัดสินใจ ลองเช็กคลินิกที่ใช่ตามนี้ดูนะคะ 

  • มาตรฐานคลินิก: มีใบอนุญาตถูกตามกฎหมาย ห้องหัตถการปลอดเชื้อ อุปกรณ์พร้อมครบครัน
  • ทำหัตถการโดยแพทย์ตัวจริง:  มีใบประกอบฯ เข้าใจ tear trough และเส้นเลือดใต้ตา ให้คำปรึกษาละเอียด ครบถ้วน ไม่ยัดเยียดคอร์ส
  • ของแท้ตรวจสอบได้: ฟิลเลอร์ขึ้นทะเบียน อย. เช็ก Lot/Serial ได้ และต้องแกะกล่องต่อหน้า
  • วินิจฉัยถูกต้องและชัดเจน :ว่าใต้ตาลึกเกิดจากอะไร  เพื่อเลือกวิธีการแก้ไขให้เหมาะกับคนไข้ที่สุด
  • รีวิวจาากผู้ใช้งานจริง: ก่อน–หลัง ใต้ตาดูเนียน ไม่เป็นก้อน มีเคสแก้จากที่อื่นให้ดู
  • ตามผลหลังทำ: มีนัดฟอลโลว์ เพื่อเช็คผลลัพธ์หลังทำหัตถการไปว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ผลไหม? หรือมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้เพิ่มเติมไหม?

ถ้าอยากแก้ใต้ตาลึกให้เห็นผล เนียน ไม่เป็นก้อน แถมปลอดภัย แวะมาปรึกษาคุณหมอปิงปิง ที่ WE Clinic ได้เลย 

WE Clinic ได้มาตรฐานสถานพยาบาลทุกประการ ใช้ผลิตภัณฑ์ถูกต้องตามกฎหมาย และวางแผนรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ทำหัตถการแก้ใต้ตาลึก ราคาเท่าไร 

ทำหัตถการแก้ใต้ตาลึกด้วยฟิลเลอร์ราคา 18,900 บาท / 1 CC ที่ WE Clinic ใช้ฟิลเลอร์ Restylane (เรสติเลน) ฟิลเลอร์แท้ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.ไทย เนื้อเนียนละเอียด เหมาะกับบริเวณใต้ตาโดยเฉพาะ 

เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่เป็นก้อนก่อนทำคุณหมอประเมินสาเหตุใต้ตาลึกและกำหนดปริมาณ–เทคนิคการฉีด เน้นผลลัพธ์ธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน สนใจนัด ปรึกษาและประเมินกับแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาด้านผิวพรรณได้เลยค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับใต้ตาเป็นร่องลึก

ใต้ตาลึก รักษาให้หายขาดได้ไหม ?

ใต้ตาลึกไม่สามารถรักษาให้หายขาดถาวร 100% ได้นะคะ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดจากโครงสร้างกระดูกเบ้าตา การยุบตัวของไขมัน หรือพันธุกรรม เพราะเป็นปัจจัยทางกายวิภาคที่เปลี่ยนไปตามวัยและไม่สามารถย้อนกลับได้ 

แต่สามารถรักษาให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอยู่ได้นานหลายปี หากเลือกใช้เทคนิคทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับสาเหตุ เช่น

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา เติมเต็มร่องลึกให้เรียบเนียน ผลอยู่ได้เฉลี่ย 8–12 เดือน
  • ฉีดไขมันตนเอง (Fat graft)  ให้ผลยาวนานกว่า เพราะเป็นเซลล์ของร่างกายเอง
  • เลเซอร์หรือเครื่องยกกระชับ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูความแน่นของผิว

กล่าวคือ ใต้ตาลึกรักษาให้ดีขึ้นได้ชัดเจน แต่ไม่หายขาดถาวร การประเมินสาเหตุอย่างแม่นยำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือกุญแจสำคัญในการเลือกวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุดนะคะ

การเติมไขมัน หรือฉีดใต้ตาแก้ตาลึก เสี่ยงเป็นก้อนไหม ?

ทั้งการฉีดฟิลเลอร์และการเติมไขมันใต้ตาลึกมีโอกาสเป็นก้อนได้ โดยขึ้นกับเทคนิค ปริมาณ ชั้นผิว และคุณภาพวัสดุ ความเสี่ยงที่พบบ่อยคือฉีดตื้นเกินไป กระจายไม่สม่ำเสมอ หรือใส่CCมากเกิน  

ลดความเสี่ยงได้ด้วยการเลือกคลินิกมาตรฐาน แพทย์ชำนาญใต้ตา ใช้วัสดุแท้ขึ้นทะเบียน และดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง หากเกิดเป็นก้อน ฟิลเลอร์แท้สามารถสลายด้วยไฮยาลูโรนิเดส ส่วนก้อนไขมันมักต้องดูดหรือผ่าตัดออกตามดุลยพินิจแพทย์

มีร่องใต้ตาลึก ทาครีมอย่างเดียวช่วยได้ไหม ?

การทาครีมช่วยได้บ้างในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยตื้น ๆ

แต่กับร่องใต้ตาลึกจากโครงสร้างหรือไขมันยุบ ผลจะเห็นไม่ชัดและไม่ถาวร

ครีมที่มี Hyaluronic Acid (HA) ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู และ วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยลดเม็ดสี กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวดูสดใสขึ้น แต่ผลยังเป็นเพียงชั่วคราว

หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีทางการแพทย์ร่วมด้วยค่ะ

H3 ใต้ตาลึกมาก แต่งหน้าช่วยได้ไหม ?

การแต่งหน้าช่วยพรางร่องใต้ตาลึกให้ดูสดใสขึ้นได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาลึกที่เกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือไขมันยุบได้โดยตรง

เริ่มจากประคบเย็นลดบวมและทาอายครีมให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื้น จากนั้นลงคอร์เรคเตอร์สีส้มหรือสีพีชเพื่อปรับสีรอยคล้ำให้เป็นกลางตามด้วยคอนซีลเลอร์ที่สว่างกว่าสีผิวเล็กน้อย เกลี่ยให้เรียบเนียน แล้วเซตด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสงเพื่อความติดทนหากไม่มีคอร์เรคเตอร์ สามารถใช้ลิปสติกสีส้มหรือสีแดงแตะบาง ๆ แทนได้

ทั้งนี้ การแต่งหน้าเป็นเพียงวิธีพรางตาชั่วคราว หากร่องใต้ตาลึกมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ไขที่ตรงจุด เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือเติมไขมันใต้ตา

สรุป

ใต้ตาลึกเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พักผ่อนไม่พอ การไหลเวียนเลือดไม่ดี ภูมิแพ้ การขยี้ตาบ่อย หรือการสะสมของเม็ดสี รวมถึงพันธุกรรมโครงสร้างใบหน้าที่มีร่องลึกทำให้เกิดเงาใต้ตา 

การดูแลพื้นฐานด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากพอ ทาครีมบำรุงรอบดวงตา หากยังคล้ำชัดหรือมีร่องลึก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางการรักษาให้ตรงจุด 

เช่นฟิลเลอร์ใต้ตาหรือการฉีดไขมันเพื่อฟื้นฟูผิวและลดรอยคล้ำที่ฝังลึก

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี

โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ

ปรึกษา เสริมคาง เสริมจมูก ออนไลน์
Line chat facebook chat