สิวที่ปาก เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร และป้องกันยังไงกลับมาเป็นซ้ำ

สิวที่ปากถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เพราะบริเวณรอบปากและคางมีต่อมไขมันจำนวนมาก ทำให้ผิวมันและอุดตันง่าย จนสิวขึ้นซ้ำ ๆ ไม่หายสักที

นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดและระคายเคืองแล้ว สิวที่ปากยังส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวันด้วย สาเหตุอาจมาจากทั้งปัจจัยภายนอก เช่น ยาสีฟันหรือเครื่องสำอาง ไปจนถึงปัจจัยภายในอย่างฮอร์โมนและความเครียด

ในบทความนี้หมอจะพาทุกคนทำความเข้าใจสิวที่ปากให้ลึกขึ้น ตั้งแต่สาเหตุ ประเภท ไปจนถึงวิธีรักษาและการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้สิวหายเร็ว และลดโอกาสเกิดซ้ำค่ะ

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

สิวที่ปาก เกิดจากอะไร?

สิวที่ปากมักมีสาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศเพิ่มขึ้น ต่อมไขมันจึงทำงานหนักจนเกิดความมันส่วนเกิน อุดตันรูขุมขน 

และเมื่อมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยก็กลายเป็นสิวอักเสบได้ง่าย สำหรับผู้หญิงสิวที่ปากมักเกิดก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ 

เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน กระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นจนเกิดการอุดตันและอักเสบ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย

นอกจากฮอร์โมนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นสิวที่ปาก เช่น กรรมพันธุ์ การเสียดสีจากหน้ากากอนามัย มือถือ ปลอกหมอน รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดอย่างลิปสติกหรือยาสีฟันที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญ เช่น การนอนดึก เครียดสะสม หรือปล่อยให้ผิวสัมผัสกับมลภาวะ ฝุ่น และคราบเหงื่อโดยไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวการที่ทำให้สิวที่ปากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ได้

ทำไมชอบเป็นสิวที่ปากซ้ำ ๆ

สิวที่ปากที่ขึ้นซ้ำ ๆ ไม่ยอมหายสักที อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการอุดตันของรูขุมขนจากน้ำลาย เครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่รอบปาก 

รวมไปถึงความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และสภาพแวดล้อม เช่น การใส่หน้ากากอนามัยหรือเผชิญกับมลภาวะในชีวิตประจำวัน

บางรายอาจเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รอบริมฝีปาก เช่น ยาสีฟันหรือลิปสติก หรือแม้แต่ความผิดปกติภายในร่างกาย โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารที่ไม่สมดุล ก็อาจส่งผลให้สิวขึ้นซ้ำได้เช่นกัน

ลักษณะของสิวที่ขึ้นปาก

สิวที่ปากมักปรากฏเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ รอบริมฝีปาก สามารถเกิดได้หลายตำแหน่ง เช่น เหนือปาก มุมปาก ขอบปากบน ริมฝีปากล่าง หรือระหว่างปากกับจมูก ซึ่งแต่ละตำแหน่งอาจเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันไป

ประเภทของสิวที่ปาก

สิวบริเวณปากมีหลายชนิด และสามารถจำแนกได้ตามลักษณะและความรุนแรง ดังนี้

1. สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads)

ลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก สีขาว ไม่มีรูเปิดและไม่สามารถกดหัวสิวออกได้ เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้

2. สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads)

เป็นตุ่มนูนเล็กสีดำ หัวสิวแข็ง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เกิดจากเซลล์ผิวที่ตายสะสมและอุดตันในรูขุมขน

3. สิวตุ่มแดง (Papule)

สิวชนิดนี้ไม่มีหัว เริ่มมีการอักเสบ เป็นตุ่มแดงเล็กใต้ผิว มักเกิดหลังจากการกดหรือบีบสิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียและน้ำมันแพร่กระจายจนผิวอักเสบ

4. สิวหัวหนอง (Pustule)

ลักษณะเป็นตุ่มบวมแดง มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ภายใน เกิดจากรูขุมขนติดเชื้อ อักเสบและบวม มักทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัน

5. สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule)

สิวอักเสบที่ลึกและรุนแรง ลักษณะเป็นก้อนแดงแข็งใต้ผิว เจ็บแม้ไม่ได้สัมผัส มักใช้เวลานานกว่าจะยุบ

6. สิวหัวช้าง (Nodulocystic Acne)

สิวอักเสบรุนแรงในชั้นผิวลึก ลักษณะตุ่มแดงขนาดใหญ่ มีเลือดหรือหนองปนภายใน เจ็บมาก และรักษาได้ยากกว่าสิวทั่วไป

7. สิวเสี้ยน (Small Pimple)

จริง ๆ แล้วไม่ใช่สิว แต่เป็นการสะสมของขนและต่อมไขมันที่อุดตัน มองเห็นเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ โผล่ขึ้นมาจากผิว

8. สิวผด หรือสิวเทียม (Acne Aestivale)

ลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ ไม่มีหัวสิว เกิดจากความร้อน คราบเหงื่อ หรือสิ่งสกปรก ทำให้คันและระคายเคือง มักเป็น ๆ หาย ๆ

วิธีรักษาสิวที่ปาก

สิวที่ปากสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของสิว ความรุนแรง และสภาพผิวของแต่ละคน หมอจะแนะนำวิธีที่ใช้กันบ่อยและเห็นผลจริง ดังนี้ค่ะ

1. กดสิวที่ปาก

เหมาะสำหรับสิวอุดตัน เช่น สิวหัวขาวและสิวหัวดำ การกดสิวช่วยให้หัวสิวออกจากรูขุมขนเร็วขึ้น แต่ต้องทำด้วยเครื่องมือสะอาด ปลอดเชื้อ และโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากกดไม่ถูกวิธีอาจทำให้สิวอักเสบ ลุกลาม หรือเกิดรอยแผลเป็นได้

2. เลเซอร์สิวที่ปาก

การรักษาด้วยเลเซอร์ เช่น CO2 Laser ช่วยเปิดหัวสิวที่ลึกและแข็ง เช่น สิวอุดตัน สิวไต หรือสิวหัวช้าง จากนั้นจึงกดหัวสิวออกมา เหมาะกับเคสที่สิวฝังลึกกว่าปกติ

3. ฉีดสิวที่ปาก

ใช้สำหรับสิวอักเสบก้อนแข็ง เช่น สิวไตหรือสิวหัวช้าง โดยแพทย์จะฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปตรงสิว ทำให้ก้อนนิ่มลงและยุบได้ภายใน 2–3 วัน

วิธีนี้ช่วยลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าฉีดบ่อยหรือในปริมาณมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดรอยบุ๋มบนผิวได้ 

4. ฉายแสงลดสิวที่ปาก

การฉายแสงสีฟ้าหรือสีแดงช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และควบคุมความมันบนผิว เหมาะกับสิวอักเสบหลายชนิด แต่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน

5. แผ่นแปะสิวที่ปาก

เหมาะกับสิวหนอง เพราะแผ่นแปะสิวที่มีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) จะช่วยดูดซับหนองและของเหลวออกมา ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดแผลเป็น และป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปในสิว

6. ยารักษาสิวที่ปาก

  • ยาทา: มักมีส่วนผสมของ Retinol, Salicylic acid, Benzoyl peroxide, Clindamycin หรือ Glycolic acid ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบ และละลายหัวสิวอุดตัน สำหรับสิวผดอาจใช้ Ketoconazole เพื่อลดเชื้อราหรือยีสต์
  • ยารับประทาน: เหมาะกับสิวที่รุนแรง เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดเพื่อลดสิวฮอร์โมน หรือยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Isotretinoin) ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

วิธีป้องกันสิวที่ปากด้วยตัวเอง

  • ล้างหน้าให้สะอาด เน้นบริเวณรอบปากและคาง เพื่อขจัดความมัน เหงื่อ และสิ่งสกปรกที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน
  • เปลี่ยนปลอกหมอนและทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำ ลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวซ้ำ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อการอุดตัน (Non-comedogenic) ทั้งสกินแคร์และเมกอัพควรเหมาะกับสภาพผิว เพื่อลดโอกาสสิวใหม่ขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใส่แมสก์นานเกินไป หากจำเป็นควรเปลี่ยนบ่อย ๆ และเลือกแมสก์ที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้นและการเสียดสี
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด การนอนดึกหรือเครียดสะสมทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ส่งผลให้ผิวมันและเป็นสิวง่ายขึ้น

วิธีป้องกันสิวที่ปากด้วยการพบแพทย์

นอกจากการดูแลผิวด้วยตัวเองแล้ว ยังมีวิธีทางการแพทย์หรือหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดโอกาสการเกิดสิวที่ปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้นค่ะ

  • ฉีดเมโสหน้าใส
    เติมวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส และทำให้รอยสิวดูจางลง
  • ฉีดมาเด้คอลลาเจน
    เน้นการขับสารพิษและสิ่งอุดตันออกจากผิว ลดสิว ลดผื่น พร้อมช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • ฉีดวิตามินผิว
    เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว ลดการอักเสบจากสิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและสดใส
  • เลเซอร์รักษาสิว
    เลเซอร์ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวเรียบเนียน ลดรอยแดงและรอยดำจากสิว
  • ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
    เติมเต็มรอยหลุมสิวที่เกิดหลังสิวอักเสบให้ตื้นขึ้น คืนความเรียบเนียนให้ผิว และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวในระยะยาว

อาหารที่กินแล้วสิวขึ้นปาก? 

นอกจากปัจจัยด้านฮอร์โมนและการดูแลผิวแล้ว “อาหาร” ก็มีส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้สิวที่ปากเกิดขึ้นหรือเป็นหนักกว่าเดิม 

หลายครั้งที่คนไข้มาปรึกษา หมอมักพบว่าพฤติกรรมการกินก็มีส่วนไม่น้อย การเลือกอาหารบางชนิดอาจทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น เกิดการอุดตัน และนำไปสู่สิวได้ง่ายนั่นเองค่ะ 

  • อาหารที่มีไขมันสูง
    เช่น ของทอด ของมัน อาหารจานด่วน ไขมันส่วนเกินจะกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวมันและสิวขึ้นได้ง่าย
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง
    เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน หรือเบเกอรี่ ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงจะไปกระตุ้นการอักเสบและเพิ่มโอกาสการเกิดสิวที่ปาก
  • ผลิตภัณฑ์จากนม
    โดยเฉพาะนมวัว ชีส หรือไอศกรีม ซึ่งอาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย ส่งผลให้สิวขึ้นง่ายในคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่ายอยู่แล้ว

รักษาสิวที่ปาก ที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่รักษาสิวที่ปาก ที่ไหนดี ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน เปิดถูกต้อง ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้วิธีรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อลดโอกาสเกิดรอยสิวหรือปัญหาซ้ำตามมา

หากกำลังมองหาคลินิกที่ไว้ใจได้ แนะนำให้มาปรึกษากับคุณหมอปิงปิง ที่ WE Clinic หมอจะช่วยประเมินสาเหตุของสิว วางแผนการรักษาที่ตรงจุด และดูแลอย่างปลอดภัย เพื่อให้ผิวรอบปากกลับมาเรียบเนียนและมั่นใจได้อีกครั้งค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่ปาก

ยาสีฟันทำให้เป็นสิวรอบปากได้จริงหรือไม่?

จริงค่ะ ยาสีฟันบางยี่ห้ออาจเป็นตัวกระตุ้นสิวรอบปากได้ เนื่องจากมีส่วนผสมอย่างฟลูออไรด์ หรือสารที่ทำให้เกิดฟอง (SLS: Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งในคนที่มีผิวแพ้ง่าย 

สารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอุดตัน จนนำไปสู่สิวรอบปากได้ หากสังเกตว่าสิวขึ้นรอบปากบ่อยหลังแปรงฟัน ควรลองเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันสูตรอ่อนโยน ปราศจากฟลูออไรด์หรือ SLS 

และอย่าลืมล้างทำความสะอาดรอบปากให้เกลี้ยงทุกครั้งหลังแปรงฟัน เพื่อลดการตกค้างของสารเคมีค่ะ

3สิวที่ปาก แตกต่างจากเริมที่ปากอย่างไร

หลายคนอาจสับสนระหว่างสิวที่ปากกับเริมที่ปาก เพราะต่างก็เกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ รอบริมฝีปาก แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างที่สังเกตได้ชัดเจน

  • สิวที่ปาก เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันและการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะเป็นตุ่มนูน แดง หรือมีหัวหนอง กดแล้วเจ็บ และมักสัมพันธ์กับปัจจัยอย่างฮอร์โมน ความมัน หรือการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์รอบปาก
  • เริมที่ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex ลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ หลายเม็ดเรียงกัน มักมีอาการคัน แสบ หรือปวดจี๊ดก่อนตุ่มขึ้น พอตุ่มแตกจะกลายเป็นแผลตื้น ๆ และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อร่างกายอ่อนแอหรือเครียด

สิวที่ปากเป็นปัญหาผิวจากการอุดตันและการอักเสบ ในขณะที่เริมที่ปากเป็นโรคติดเชื้อไวรัสซึ่งติดต่อได้ การรักษาและการดูแลจึงแตกต่างกัน 

หากไม่แน่ใจว่าที่ขึ้นบริเวณปากคือสิวหรือเริม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ

ควรบีบสิวที่ปากหรือไม่?

ไม่ควรบีบสิวที่ปากค่ะ เพราะการบีบสิวอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ลุกลามจนสิวอักเสบรุนแรงกว่าเดิม อีกทั้งยังเสี่ยงทิ้งรอยดำและหลุมสิวที่รักษาได้ยากในอนาคต

หากสิวที่ปากสร้างความรำคาญหรือเจ็บมาก ควรปล่อยให้ยุบเองตามธรรมชาติ หรือเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ เพื่อให้สิวหายเร็ว ปลอดภัย และไม่ทิ้งร่องรอยตามมาค่ะ

สรุป

สิวที่ปากเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย แต่สามารถรักษาให้หายและป้องกันไม่ให้กลับมาได้ หากเข้าใจสาเหตุและเลือกวิธีดูแลที่ถูกต้อง 

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินผิว วางแผนการรักษาที่เหมาะสม และแก้ปัญหาได้ตรงจุด ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและมั่นใจได้อีกครั้งค่ะ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี

โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ

ปรึกษา เสริมคาง เสริมจมูก ออนไลน์
Line chat facebook chat