การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมของวงการความงาม เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด ปรับรูปหน้าที่สั้น ให้ดูเรียวสวยเป็นธรรมชาติ เติมเต็มร่องลึก เห็นผลลัพธ์ทันที ใช้เวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะแพทย์ที่ดูแลเคสจริงมาโดยตลอด ผมหมอแซม WE Clinic อยากย้ำว่าการฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แม้จะดูเป็นหัตถการเล็ก ๆ แต่หากทำโดยผู้ที่ขาดประสบการณ์ หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ฉีดฟิลเลอร์แล้วคางเป็นก้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้รูปหน้าออกมาไม่สวยงาม แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรีบได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี
ดังนั้น ในบทความนี้ผมจะอธิบายอย่างละเอียดถึงสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน สัญญาณอันตรายที่ควรสังเกต และแนวทางการรักษาที่ปลอดภัย
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมทั้งหมด และมั่นใจได้ว่า หากเกิดปัญหานี้ขึ้น คุณจะสามารถรับมือได้อย่างถูกต้องนะครับ
ฉีดฟิลเลอร์คางเป็นก้อน เกิดจากอะไร สาเหตุคืออะไร
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่มีหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งฝีมือและความชำนาญของแพทย์ ชนิดและคุณภาพของฟิลเลอร์
ไปจนถึงมาตรฐานของสถานที่ที่รับบริการ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้ป้องกันและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
1. ความชำนาญของแพทย์
แพทย์ที่ขาดประสบการณ์อาจฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง ผิดชั้นผิว หรือใช้ปริมาณไม่เหมาะสม ทำให้ฟิลเลอร์กองรวมเป็นก้อน
หรือเกิดการอักเสบเรื้อรังได้ บางกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นฉีดเข้าหลอดเลือดและทำให้เนื้อตาย (Necrosis)
2. โครงสร้างพื้นฐานของคาง
บางคนมีเนื้อเยื่อบริเวณคางที่บาง หรือมีความไม่สมดุลของโครงสร้างตั้งแต่แรก เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ฟิลเลอร์อาจกระจายตัวยากและกองรวมเป็นก้อนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ทำให้คางดูไม่เรียบเนียน
3. ตำแหน่งและปริมาณการฉีด
การฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งตื้นหรือต่ำเกินไป เสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะย้อยลงมาที่ปลายคางจนเห็นเป็นก้อน รวมถึงการฉีดในปริมาณมากเกินไป (Overfilling) ก็ทำให้คางแข็งผิดรูปและเกิดก้อนได้ง่าย
4. ชนิดและคุณภาพของฟิลเลอร์
หากเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับการเสริมคาง เช่น โมเลกุลไม่คงตัวหรือคุณภาพต่ำ ฟิลเลอร์อาจไม่กระจายตัวและกลายเป็นก้อนได้
อีกทั้งหากเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ปัญหาจะยิ่งรุนแรงขึ้นเพราะสารเหล่านี้ไม่สามารถสลายเองได้
5. การแพ้ฟิลเลอร์
แม้ฟิลเลอร์แท้ชนิดไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) จะมีความปลอดภัยสูง แต่ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้
เช่น บวมผิดปกติ ปวด แดง คัน หรือมีผื่นและหนอง ซึ่งต้องรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะหากเป็นฟิลเลอร์ปลอม ความเสี่ยงในการแพ้และติดเชื้อจะสูงกว่ามาก
6. การติดเชื้อหลังฉีด
การฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้คางเกิดก้อนนูนร่วมกับอาการปวด บวม แดง หรือเป็นหนองได้
7. ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง
ฟิลเลอร์คุณภาพต่ำหรือฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือไบโอพลาสติก จะไม่สลายเองตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปอาจไหลลงมาที่ปลายคางและรวมตัวเป็นก้อน ทำให้คางผิดรูปถาวร
8. ฟิลเลอร์ปลอม
นี่คือสาเหตุที่อันตรายที่สุด เพราะฟิลเลอร์ปลอมมักประกอบด้วยสารที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ติดเชื้อ และผิดรูปในระยะยาว
ซึ่งส่วนใหญ่ต้องรักษาด้วยฉีดสลายและผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้นครับ
9. ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีความหนาแน่นและคุณสมบัติแตกต่างกัน หากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับการเสริมคาง เช่น ชนิดที่ไม่คงตัวพอหรือจับตัวไม่ดี ฟิลเลอร์อาจกระจายไม่สม่ำเสมอและกลายเป็นก้อนได้
การปรับรูปคางควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง คงรูปได้ดี เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและปลอดภัยครับ
สัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์ทันที
หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง อาการบวมเล็กน้อยหรือมีรอยเข็มแดง ๆ ภายใน 2–3 วันแรกถือว่าเป็นเรื่องปกติ และมักหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์
แต่ถ้าอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือยืดเยื้อนานกว่านั้น อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

1. ปวด บวม แดง ร้อนผิดปกติ
หากมีอาการเจ็บ ปวดแสบ หรือบวมแดงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออาการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ทุเลาลงใน 3–5 วันแรก ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม
2. ผิวไม่เรียบและคางผิดรูป
อาการที่พบบ่อยในเคสที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วคางเป็นก้อน คือคางนูนแข็ง มีรอยตะปุ่มตะป่ำ หรือผิวไม่เรียบเนียน บางครั้งฟิลเลอร์อาจไหลไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ ทำให้รูปหน้าเสียสมดุล
3. มีรอยแดง ผื่น หรืออาการแพ้
การเกิดรอยแดงหรือรอยช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ควรค่อย ๆ จางลงภายใน 1–2 สัปดาห์ หากยังไม่หาย หรือมีผื่นลมพิษ คัน เจ็บแสบร่วมด้วย อาจเป็นอาการแพ้หรือติดเชื้อ ซึ่งต้องให้แพทย์ตรวจทันที
4. การติดเชื้อและมีหนอง
ถ้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวมแดงร้อนผิดปกติ และเริ่มมีหนอง แสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นแล้ว อาการลักษณะนี้ไม่สามารถรอให้หายเอง ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
5. ผิวเปลี่ยนสีหรือมีการอุดตันของหลอดเลือด
หากผิวบริเวณคางเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ หรือมีลักษณะซีดขาว แสดงว่าอาจเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรง หากปล่อยไว้นานจะทำให้เนื้อเยื่อตาย ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วนนะครับ
วิธีแก้ปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

ปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากแต่ละกรณีมีความซับซ้อนและต้องอาศัยการประเมินที่ละเอียด วิธีการรักษาที่ใช้หลัก ๆ มี 3 รูปแบบ ดังนี้ครับ
1. การฉีดสลายฟิลเลอร์
หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภทไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase: HYAL)
ซึ่งมีคุณสมบัติย่อยสลายฟิลเลอร์ให้ละลายออกไปอย่างปลอดภัย ก่อนการฉีดสลาย แพทย์ต้องประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดมาก่อนหน้านี้ (CC ที่เคยได้รับ) เพื่อคำนวณปริมาณยาสลายที่เหมาะสม
หลังทำคนไข้บางรายอาจเห็นผลทันที แต่โดยทั่วไปจะค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 1–3 วัน และหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากการฉีดสลาย
2. การขูดฟิลเลอร์
วิธีนี้ใช้ได้กับทุกกรณีโดยเฉพาะในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ HA หรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ครับ โดยยังไม่มีปัญหาคางห้อยย้อย อักเสบ ผิดรูป เช่น Polyacrylamide Gel (Aqualift) หรือ Hydrofilic Gel ฟิลเลอร์ประเภทนี้เมื่อฉีดเข้าไปจะจับตัวแน่นและดื้อการสลาย ทำให้ต้องใช้การขูดออกแทน
อย่างไรก็ตาม การขูดฟิลเลอร์อาจไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่สามารถนำออกได้ประมาณ 50-95% และเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการอักเสบและการเกิดพังผืด
3. ตัดแต่งเนื้อคางร่วมกับการขูดฟิลเลอร์ / สารเหลว
มักใช้ในที่ฉีดเคสสารเหลวมา แล้วมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ทรงคางห้อยย้อย,ผิดรูป,อักเสบติดเชื้อ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขูดฟิลเลอร์ได้ที่ : ขูดฟิลเลอร์ คาง จมูก คืออะไร อันตรายหรือเปล่า ราคาเท่าไหร่
3. การผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออก
หากเป็นฟิลเลอร์ปลอมประเภทซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือสารที่แข็งตัวจนกลายเป็นก้อนใหญ่และพังผืดเกาะแน่น การรักษาด้วยการฉีดสลายหรือขูดมักไม่ได้ผล จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดนำออกแทนครับ
การผ่าตัดฟิลเลอร์คางถือเป็นหัตถการที่ซับซ้อน ต้องทำในคลินิกหรือโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์ศัลยกรรมผู้เชี่ยวชาญ
เนื่องจากต้องระมัดระวังต่อเส้นประสาทและเส้นเลือดที่อยู่ใต้ชั้นผิว และถึงแม้การผ่าตัดจะช่วยเอาฟิลเลอร์ออกได้ แต่บางครั้งอาจไม่สามารถนำออกได้ทั้งหมด
ฉีดฟิลเลอร์แล้วคางเป็นก้อน เสริมคางได้ไหม ?

หลายคนที่เคยฉีดฟิลเลอร์คางแล้วพบปัญหา เช่น คางเป็นก้อน คางผิดรูป หรือผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ มักตั้งคำถามว่า สามารถแก้ไขและเสริมคางด้วยซิลิโคนได้หรือไม่ คำตอบคือ “ทำได้ครับ” แต่ต้องอยู่ภายใต้การประเมินและวางแผนอย่างรอบคอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โดยทั่วไป หากเป็นฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) จะสลายไปเองตามธรรมชาติในเวลา 6เดือน–1ปี หลังจากนั้นจึงสามารถเสริมคางถาวรด้วยซิลิโคนได้
แต่หากไม่ต้องการรอนาน แพทย์สามารถใช้วิธีฉีดสลายฟิลเลอร์ หรือขูดเลาะฟิลเลอร์และเลาะพังผืดออก ก่อนการผ่าตัด 
กรณีที่เคยฉีดฟิลเลอร์แท้ (HA)
หากฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว การผ่าตัดเสริมคางสามารถทำได้เหมือนผู้ที่ไม่เคยฉีดมาก่อน เพียงแต่แพทย์อาจต้องขูดเลาะพังผืดบางส่วนออก
อาการบวมช้ำอาจมากกว่าปกติเล็กน้อย หรือการเข้าทรงอาจช้ากว่า แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวจะใกล้เคียงกัน
กรณีที่เคยฉีดสารเหลวหรือฟิลเลอร์ปลอม
เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือไบโอพลาสติก ซึ่งไม่สามารถสลายเองได้ และมักทำให้เกิดคางนูนแข็ง ผิวไม่เรียบ หรือผิดรูป
กรณีนี้จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเลาะสารออกเท่านั้น ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า และต้องทำโดยแพทย์ศัลยกรรมที่มีประสบการณ์สูง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเส้นประสาทและเส้นเลือดในบริเวณคาง
การป้องกันปัญหาฟิลเลอร์คางเป็นก้อน
การป้องกันคือกุญแจสำคัญ ลดความเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์แล้วคางเป็นก้อน ได้มาก
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ มีดังนี้
- ศึกษาข้อมูลและเลือกแพทย์ชำนาญเฉพาะทาง อ่านรีวิว ดูเคสจริง และสอบถามเทคนิคที่ใช้ก่อนตัดสินใจ เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ตรงในการฉีดฟิลเลอร์คางโดยเฉพาะครับ
 - อย่าเห็นแก่ราคาถูก ราคาต่ำผิดปกติคือสัญญาณเสี่ยงต่อ “ฟิลเลอร์ปลอม” หรือบริการที่ด้อยมาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ใช้ต้องมีคุณภาพและ ผ่าน อย. เท่านั้น ตรวจสอบยี่ห้อ–เลข Lot ได้ชัดเจน
 - เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น ต้องมีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ตรวจสอบได้จริง แสดงรายชื่อแพทย์พร้อมเลขใบประกอบวิชาชีพ ห้ามฉีดกับคลินิกเถื่อนหรือหมอกระเป๋า เพราะเสี่ยงฟิลเลอร์ไหล จับตัวเป็นก้อน และภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
 - ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เหมาะกับคาง ให้แพทย์เลือกชนิดและความคงตัวของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับโครงสร้างคางของคุณ ของแท้ต้องมีฉลากภาษาไทย เอกสารกำกับยา และซีลครบถ้วน ตรวจสอบต่อหน้าคนไข้ได้
 - เครื่องมือสะอาด ทันสมัย มาตรฐานปลอดเชื้อ อุปกรณ์ต้องไม่ชำรุด ผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง ลดความเสี่ยงการติดเชื้อซึ่งมักตามมาด้วยก้อนนูนและอักเสบ
 - ดูแลตัวเอง “ก่อน–หลัง” ฉีดตามคำแนะนำแพทย์ ก่อนฉีด: งดแอลกอฮอล์ งดวิตามิน/สมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และงดแต่งหน้าในวันทำ หลังฉีด: เลี่ยงความร้อน นวด–กดแรง ๆ ที่คาง ออกกำลังกายหนัก และมาตามนัดเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์คางเป็นก้อน
เสริมคางกับฉีดฟิลเลอร์คาง แบบไหนดีกว่ากัน?
เสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นทางเลือกที่มั่นคงและถาวรที่สุด เหมาะสำหรับคนที่อยากให้คางได้รูปสวย คมชัด และเข้ากับใบหน้าแบบระยะยาว ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมซ้ำทุกปี ซิลิโคนมีความปลอดภัยสูง อยู่ได้ถาวร
หากต้องการเอาออกก็สามารถทำได้ โดยโครงสร้างคางจะกลับมาเหมือนเดิมโดยไม่ทิ้งผลข้างเคียง ผลลัพธ์ที่ได้คือคางที่ได้สัดส่วน ดูเป็นธรรมชาติ และช่วยเสริมความมั่นใจได้อย่างแท้จริง
ฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากปรับรูปคางแบบชั่วคราว เห็นผลเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด แต่ข้อเสียคืออยู่ได้ไม่นาน (6 เดือน – 1 ปี) ต้องเติมใหม่เรื่อย ๆ
หากถ้าใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงเกิดปัญหาคางเป็นก้อนหรือผิดรูปได้
หากต้องการผลลัพธ์ระยะสั้น ฟิลเลอร์คางก็เป็นตัวเลือกที่ใช่ แต่ถ้าอยากได้คางที่เรียวสวย อยู่ได้ถาวร ดูเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยในระยะยาว การเสริมคางซิลิโคน คือคำตอบที่เหนือกว่าแน่นอนครับ
ฟิลเลอร์คางใช้กี่ CC ?
โดยทั่วไปการฉีด ฟิลเลอร์คาง จะเริ่มต้นที่ประมาณ 1 CC ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการปรับรูปคางให้ได้สัดส่วนในเคสทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จริงขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล เช่น โครงสร้างคางเดิม รูปทรงที่ต้องการ หรือความสมดุลกับใบหน้าโดยรวม
บางรายอาจจำเป็นต้องใช้ 2–3 CC เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติที่สุด
สิ่งสำคัญคือการประเมินต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากใช้มากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดฟิลเลอร์คางเป็นก้อน แต่ถ้าใช้น้อยเกินไป ก็อาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร
ฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานกี่เดือน ?
โดยทั่วไปผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์คาง จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงเทคนิคการฉีดและการดูแลตัวเองของคนไข้แต่ละราย
พฤติกรรมประจำวันก็มีผลต่อการสลายของฟิลเลอร์เช่นกัน เช่น การออกกำลังกายหนัก การดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หรือการโดนความร้อนสูงบ่อย ๆ อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าปกติ
เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง แนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก หลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ และควรเข้ารับการติดตามผลตามนัดเพื่อประเมินความเรียบร้อยของคาง

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ We Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง facebook หรือ Line ได้ที่นี่เลยครับ